เปิดภาพ ตร.พม่าจับกุม “หมอ สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ”อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตร. ผู้ต้องหาหลบหนีโทษประหารชีวิต คดีฆ่าฝังแรงงานต่างด้าว เหตุเกิดเมื่อปี”55 “บิ๊กแป๊ะ” สั่งชุดสืบสวนภ.จว.เพชรบุรี ไล่ล่าตัวนับปี จนพบเบาะแส จากการสะกดรอยตามบุคคลใกล้ชิด ไปพบตัวที่บ้านหลังหนึ่งในฝั่งเมียนมา ใกล้แนวตะเข็บชายแดนด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนรายงานให้ ผบ.ตร.ทราบ จากนั้นจึงประสานตร.เมียนมา จับตัวไว้ได้ ตะลึงพบเงินสดจำนวนมาก ซุกอยู่ท้ายรถเก๋ง เร่งประสานส่งตัวกลับให้ตร.ไทย ที่ด่านด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อมารับโทษต่อไป

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ เมียนมา ควบคุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตร. ผู้ต้องหาหลบหนีคำพิพากษาประหารชีวิตของศาลจังหวัดเพชรบุรี ในคดีฆ่าฝังแรงงานชาวเมียนมา ภายในไร่ของตัวเอง พื้นที่หมู่บ้านท่ามะริด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.2555 ว่าเบื้องต้นตนยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากมีการควบคุมตัวที่ประเทศเมียนมาได้จริง ก็มีขั้นตอนการประสานส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย คดีนี้ได้สั่งการให้ติดตามตัวมาเป็นปีแล้วเนื่องจากเป็นคดีที่สำคัญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีกระแสข่าวการจับกุม พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 ธ.ค. 59 โดยทางการเมียนมาได้เข้าควบคุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้พร้อมยึดเงินสดทั้งธนบัตรไทยและธนบัตรเมียนมา ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าจำนวนมาก ซุกอยู่ท้ายรถเก๋ง ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจาก พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ประสานตำรวจ เมียนมา ช่วยติดตามจับกุมตัว พ.ต.อ.นพ. สุพัฒน์ หลังจากชุดสืบสวนจังหวัดเพชรบุรี โดย พ.ต.อ.บัญญัติ เพียรสวัสดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ สืบทราบว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ หรือ หมอสุพัฒน์ หลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งใกล้แนวตะเข็บชายแดนด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ขณะนี้อยู่ระหว่างคุมตัวมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย โดยที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. อาจเดินทางไปรับด้วยตัวเอง

ทั้งนี้การเข้าจับกุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เริ่มจากตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี ติดตามสะกดรอยบุคคลใกล้ชิด ของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จนพบว่าได้ใช้ช่องทางธรรมชาติฝั่งอ.แม่สอด จ.ตาก ข้ามไปยังแนวชายแดนประเทศเมียนมา เพื่อพบกับพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จึงติดตามไปจนพบตัวพ.ต.อ.นพ. สุพัฒน์และจุดที่หลบซ่อนตัว จากนั้นชุดสืบสวนได้รายงานไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้รับทราบ ก่อนที่ พล.ต.อ. จักรทิพย์ จะประสานไปยังตำรวจเมียนมา เข้าจับกุมตัวพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไว้ได้ และกำลังควบคุมตัวมาส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย ที่ด่านสิงขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อรับตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับคดีของพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เกิดขึ้นปลายปี 2555 เมื่อนายสว่างหรือค่อม นุ่มจุ้ย เจ้าของไร่สับปะรดใน จ.เพชรบุรี และน.ส. วิมล นุ่มจุ้ย บุตรสาว ได้ไปแจ้งความที่ สภ. เมืองนนทบุรี ว่าพบรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีเทา ของนายสามารถ นุ่มจุ้ย กับ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ลูกชายและลูกสะใภ้ที่หายไปทั้งคนทั้งรถนานกว่า 3 ปี อยู่ที่บ้านร้างของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ จ.นนทบุรี ผู้ให้เบาะแสการพบรถคือนายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เชื่อว่าทั้งสองถูก ฆ่าเสียชีวิตแล้ว ต่อมามีการสืบสวนขยายผลไปค้นบ้านพักในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่บ้านท่ามะริด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี และคลินิกของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ในกรุงเทพฯ พบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก

นอกจากนี้ ทางสืบสวนยังพบว่ามีแรงงานชาวพม่าที่อยู่ในการดูแลของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ที่เข้าเมืองโดยมิได้รับอนุญาตจำนวนหลายคน ทั้งยังพบว่ามีการทารุณแรงงานชาวพม่า หลายคนทำงานโดยมิได้รับค่าตอบแทน และได้รับแจ้งว่าหนึ่งในจำนวนแรงงานพม่าชื่อนายอีต้า ถูก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ฆ่าฝังไว้ในไร่ จากการขุดบริเวณไร่หลังบ้านที่ ต.กลัดหลวง พบโครงกระดูกจำนวน 3 โครงถูกฝังอยู่ โดย 1 โครงที่ถูกขุดพบมีร่องรอยถูกกระสุนปืนที่กะโหลกศีรษะ ซึ่งเมื่อตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอ แล้วพบว่าเป็นโครงกระดูกของนายอีต้า แรงงานชาวพม่าที่สูญหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามและจับกุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ที่ปึกเตียนวิลล่า อ.ท่ายาง พ.ต.อ.นพ. สุพัฒน์กับลูกชาย 2 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหา 3 คดีหลักคือ ค้ามนุษย์ ลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยปิดบังอำพรางศพ และควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางเพชรบุรี กระทั่งได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ขณะที่คดีการหายไปของนายสามารถ นุ่มจุ้ย กับ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ อัยการสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากไม่พบหลักฐานว่าทั้งคู่ถูกฆ่าเสียชีวิต

ต่อมาวันที่ 1 ก.พ.2558 ศาลเพชรบุรีได้นัดพิจารณาคดีฆ่าผู้อื่น แต่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่มาศาลทั้งยังมิได้ให้ตัวแทนมาแสดงเหตุผลต่อศาลว่าผิดนัดด้วยเหตุใด ศาลจึงออกหมายจับ และให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราวขอยื่นประกันตัวไว้มูลค่า 3,000,000 บาท และนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 1 พ.ค.2558 แต่ปรากฏว่าพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา มีเพียง นายอัคร และนายเอก บุตรชาย จำเลยร่วมในคดีฆ่าผู้อื่นฯ น.ส. ศิวารายา ณ สงขลา ภรรยาคนที่ 4 ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ และทนายความมาฟัง คำพิพากษาเท่านั้น

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่มาศาล มีพฤติการณ์หลบหนีคดี จึงอ่าน คำพิพากษาลับหลัง โดยได้พิเคราะห์พยาน หลักฐานทั้งของโจทย์และจำเลย รวมทั้งพยาน คือ นายสรพงษ์ หรือกะลา และนายโย่ง ชาวพม่า คนงานในไร่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ให้การตรงกันว่า เหตุการณ์ฆาตกรรมนายอีต้า ดังกล่าว เกิดเมื่อประมาณเดือนก.พ. 2547 เนื่องจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่พอใจที่นายอีต้า สนิทสนมกับ นางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของตน จึงให้นายกะลาจับกุมนายอีต้า ไปในไร่แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงก่อนขุดหลุมฝัง โดยมีนายเอกร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ส่วนนายโย่งหลบหนีมาได้

ทั้งนี้ศาลพิจารณาว่าคำให้การของนายกะลาและนายโย่งสอดคล้องกัน นอกจากนี้จากผลการตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์พบว่า กะโหลกที่ขุดพบในจุดที่นายกะลา ชี้ว่าฝังศพนายอีต้า มีรอยกระสุนปืน และพบเศษชิ้นส่วนกระสุนปืน นำกะโหลกไปตรวจสอบ ดีเอ็นเอ เทียบกับบิดาและลูกชายนายอีต้า พบว่าตรงกัน จึงยืนยันว่าเป็นกะโหลกของ นายอีต้า ที่ถูกฆาตกรรมโดยการยิงที่ศีรษะตรงกับคำให้การนายกะลา

ศาลจึงพิพากษาประหารชีวิต พ.ต.อ.นพ. สุพัฒน์ และนายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชาย ข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวพม่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบัง ซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและการ กระทำใดๆ แก่ศพก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี ส่วนนายอัคร เลาหะวัฒนะ บุตรชายอีกคนที่ร่วมก่อคดี ขณะเกิดเหตุอายุ 19 ปีเศษ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาลงโทษจำคุก 25 ปี 3 เดือน โดย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ หลบหนี ให้ออกหมายจับมารับการลงโทษต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน