พลันที่โรดแม็ปการเลือกตั้ง”หัวหน้าพรรค”คนใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ปรากฏออกมา การเคลื่อนไหวก็ดำเนินไปด้วยความคึกคัก เข้มข้น มากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
ไม่เพียงแต่ปรากฏชื่อ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
หากที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างสูงเมื่อ นายอลงกรณ์ พลบุตร ออกมายอมรับว่ามีคนเสนอให้เข้าไปเป็นแคนดิเดตหนึ่งด้วย
นั่นเท่ากับมีตัวเลือกมากกว่า 2
นั่นก็คือ ไม่เพียงแต่จะมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยื่นโรง หากแต่ยังมี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม และยังมี นายอลงกรณ์ พลบุตร
ขณะที่เมื่อ นายสัมพันธ์ ทองสมัคร ออกโรงก็ปรากฏอีกตัว เลือกหนึ่งเป็น นายชวน หลีกภัย
ข้อเสนอของ นายสัมพันธ์ ทองสมัคร สะท้อนความพยายามในการประนีประนอม
1 ขอให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถอย
เพียงแต่มิได้เป็นการถอยออกจากตำแหน่งหากเป็นการถอยในห้วงแห่งการเลือกตั้ง แล้ว 1 เสนอ นายชวน หลีกภัย ให้เข้ามารักษาการแทนจนกว่าการเลือกตั้งจะผ่านพ้น
ข้อเสนอของ นายสัมพันธ์ ทองสมัคร แหลมคมยิ่ง
เพราะเท่ากับเป็นการยอมรับว่า หากมีการเลือกตั้งในห้วงก่อนการเลือกตั้งจะนำไปสู่ความขัดแย้ง แตกแยก และจะไม่เป็นผลดีต่อการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน การดำรงอยู่ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็อาจจะไม่เป็นหลักประกันอย่างเพียงพอต่อการเลือกตั้ง
จึงจำเป็นต้องชู นายชวน หลีกภัย เข้ามา
ความหมายก็คือ บทบาทของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจจะกลายเป็นปัญหาและเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของพรรคประชาธิปัตย์
จึงจำเป็นต้องมีคนมา”รักษาการ”แทน
อย่าคิดว่าการเสนอตัวเข้ามาของ นายอลงกรณ์ พลบุตร ไม่มีบทบาทและความสำคัญ
อย่างน้อยเขาก็เคยเป็นถึง “รองหัวหน้าพรรค”
อย่างน้อยเขาก็เคยมีบทบาทเป็นอย่างสูงในการรับผิดชอบพื้นที่การเลือกตั้งของภาคกลาง
หากไม่ส่งผลสะเทือนคงไม่จำเป็นต้องเสนอ”คนกลาง”