สัมภาษณ์พิเศษ

หมายเหตุ : นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พร้อม พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ร่วมให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางของพรรค ในการเลือกตั้ง ที่จะมีขึ้น

กฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ประเมินแรงเสียดทานทางการเมืองจากทั้งพรรคการเมืองคู่แข่งและรัฐบาลคสช. อย่างไร

ธนาธร : การเมืองไทยเข้าสู่โหมดเลือกตั้งอย่างชัดเจน การจะไปที่ไหนคงต้องเจอแรงต้านเพราะไม่มีพื้นที่ ไม่มีเขตไหนที่เป็นของเรามาก่อน ไปภาคใต้ก็เหยียบตาพรรคหนึ่ง ไปภาคตะวันออกก็เหยียบอีกพรรคหนึ่ง ไปภาคเหนือก็คนนั้น ไปไหนก็เหยียบคนอื่นหมด

และปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากแรงเสียดทานจากพรรคคู่แข่ง ก็ยังต้องเจอแรงเสียดทานจากผู้มีอำนาจในปัจจุบันด้วย แต่ไม่ได้คิดว่าจะเป็นปัญหา ในทางกลับกันคือการสร้างประสบการณ์ให้แข็งแกร่งขึ้น ได้เรียนรู้

ยืนยันว่าเราจะไม่เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งที่อยู่ใต้โต๊ะ อะไรที่เป็น Money Politics เราไม่ทำ ไม่ว่าจะเป็นการใช้อิทธิพล ซื้อผู้มีอิทธิพล ทำทุกอย่างบนโต๊ะ ถ้าจะเจอแรงเสียดทาน ก็ขอเรียนรู้และเติบโต

มีอะไรน่ากลัวหรือไม่

ธนาธร : ไม่มีอะไรกังวลใจ ถ้าเรากลัวหมายความว่าคสช.ชนะ เราจะเปิดศักราชใหม่เดือนต.ค.นี้ คำพูดของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ไม่ใช่กฎหมาย ไม่มีกฎหมายข้อไหนห้ามพูดเรื่องนโยบาย เราจะพูดเรื่องนโยบายเดือนต.ค. ปลดล็อกไม่ปลดล็อกไม่สน นายวิษณุไม่ใช่กฎหมาย ไม่ใช่พระเจ้าหลุยส์ ต.ค. จะพูดเรื่องนโยบาย จะ set agenda ให้สังคม ไม่ได้กลัวอะไรเป็นพิเศษ ถ้ากลัวแล้วยอมอยู่กับความกลัวนั้นหมายถึงคสช.เป็นผู้ชนะ

พรรณิการ์ : ไม่มีอะไรจะช่วยยืนยันเสรีภาพในการพูดเพื่อเป็นเสาหลักค้ำยันประชาธิปไตยได้นอกจากสื่อมวลชน แน่นอนช่วงนี้ไม่มีประชาธิปไตย แต่หากต้องการมันกลับคืนมาต้องใช้ความกล้าหาญที่ต้องยืนยันว่าสิทธิเสรีภาพเหล่านี้เป็นของเรา

กฎหมายที่ไม่ยุติธรรมเป็นหน้าที่เราในการต่อต้าน ทุกคนรู้อยู่แล้วว่ากฎหมายไหนชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรม การพูดถึงเสรีภาพหรือความจริงที่กระทบคสช.แล้วถูกดำเนินคดีทุกคนรู้ว่านี่คือกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมแล้วพร้อมต่อต้านกับเรา เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นประชาธิปไตยจะกลับคืนมา

ยังยืนยันไม่เข้าร่วมการประชุมกับคสช. รอบที่ 2 ซึ่ง นายกฯ จะเป็นประธาน

ธนาธร : ครั้งที่แล้วเขาฟังพรรคการเมืองหรือไม่ ไม่แน่ใจ เพราะเขาเขียนร่างมาหมดแล้ว เข้าไปเอานักการเมืองมาพูดๆ นั่งฟังเพลง แล้วอ่านสิ่งที่เตรียมมาก็จบ

เขาจะตัดสินใจอย่างไรขอให้ฟังพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คนกำหนดกฎเกณฑ์การเลือกตั้งของจริง ไอเดียหลักก็คือกฎอะไรที่ทำให้ พปชร.ได้ที่นั่งมากที่สุด จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเข้าไปฟัง

ความพร้อมและความหลากหลายต่อการส่งผู้สมัครส.ส. ทั้ง 350 เขต

ธนาธร : ยังไม่ครบ เห็นหลายจังหวัดแล้วแต่เราต้องทำไพรมารีโหวตจริงๆ ทั้ง 350 เขต ธนาธรกำหนดไม่ได้ใครจะเป็น ผู้สมัครของพรรค ต้องรอดูว่า ม.44 แก้ไขแบบไหน เชื่อว่าทำไม่ได้จริง

อนค.ทำจริง ในหลายจังหวัด เช่น อุบลราชธานี มีคนต้องการลงสมัครครบแล้ว จังหวัดอื่นก็เห็นตัวมากแล้ว เหนือ อีสาน ใต้ บางจังหวัดครบแล้วแต่ต้องให้สมาชิกเลือกและรับรอง ภาคที่ยังอ่อนคือกลางกับกรุงเทพฯ ซึ่งเราเริ่มทำงาน ในกรุงเทพฯ ได้แค่เดือนเดียว ถ้า 350 เขตทำไม่ได้ก็อย่าคิดอะไรที่ใหญ่ไปกว่านั้น

พยายามทำให้สมาชิกเข้าใจว่าสิ่งที่เราต้องการคือความหลากหลาย เช่น 3 เขต ชายล้วน อายุ 50 ปีแบบนี้ไม่เอา ให้มีผู้หญิง นักธุรกิจ ภาคเกษตรด้วย เน้นเปิดพื้นที่ให้มีความหลากหลายทั้งกรรมการบริหารถึงผู้ลงสมัครส.ส. แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับสมาชิก

นายทักษิณ ชินวัตร ประเมินอนค.จะได้ส.ส. 40 ที่นั่ง อนค.ตั้งเป้าเท่าไร

ธนาธร : ไม่มี ไม่ได้กำหนด มีการทำเวิร์กช็อปเห็นตัวเลขคร่าวๆ แต่ยังไม่ใช่มติว่านี่คือเป้าหมาย การปักธงความคิดก้าวหน้าในสังคมสำคัญเท่ากับการได้คะแนนเสียง ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ภารกิจของเราชัดคือนำสังคมไทยกลับสู่ประชา ธิปไตย ถ้าปักธงความคิดนำได้เราจะชนะเลือกตั้ง แต่ถ้าสนใจเรื่องเสียงเป็นเรื่องหลักเปลี่ยนแปลงประเทศไม่ได้

ถ้าคิดเรื่องเสียงก่อนก็ต้องประนีประนอมอะไรมากมายไปหมด แล้วก็ไม่อาจนำวาระความคิดที่แข็งแกร่งปักลงไปสู่สังคมได้ พรรคคิดไม่เหมือนพรรคอื่น อุดมการณ์ชูธงนำ คิดเรื่องนี้ให้ไกล ให้แข็งแรงแล้วนำมาซึ่งเสียงและการเปลี่ยนแปลง

หลายพรรคโฟกัสฐานเสียงไปที่คนรุ่นใหม่อายุ 18-25 ปี จะจัดการให้คนกลุ่มนี้แปรมาเป็นเสียงของพรรคอย่างไร

พรรณิการ์ : คนที่ไม่เคยใช้สิทธิเลือกตั้งมาก่อนเชื่อว่าจนถึงปีหน้าจะมีถึง 7 ล้านคน หรือเสียงในสภาประมาณ 100 เสียง ย่อมเป็นเสียงที่ทุกพรรคอยากได้ แต่ อนค.ไม่ได้คิดว่าคน กลุ่มนี้แค่เป็นฐานเสียงเท่านั้นเพราะคนกลุ่มนี้ไปใช้สิทธิน้อยที่สุดมาโดยตลอด

ไม่ใช่ไม่สนใจหรือแคร์แต่เรื่องของตนเอง แต่คนเหล่านี้มองไม่เห็นว่าจะมีพรรคใดเป็นตัวแทนพวกเขาได้ อนค.สร้างขึ้นมาใหม่ คนอายุ 18-25 ปีอาจเห็นความเป็นคนรุ่นใหม่ ทำการเมืองสร้างสรรค์นำประเทศไปข้างหน้ามีอยู่ในตัวของคณะกรรมการบริหารพรรค มีตัวแทนของคนรุ่นใหม่เข้าไปในสภาอย่างแท้จริง

อนค.เริ่มถูกดำเนินคดี เกรงหรือไม่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาก่อนการเลือกตั้ง

ธนาธร : เรามองว่าเป็นเกียรติยศ รู้อยู่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็วเรื่องนี้มันต้องเกิด ถ้าไปแคร์ก็คงไม่ต้องทำงาน ถ้าคิดว่าทำแล้วพรรคจะยุบ โดนคดี ทุกวันนี้งานหลักของผมคือเถียงกับฝ่ายกฎหมายทุกวัน เพราะฝ่ายกฎหมายห้ามทุกอย่าง

ดังนั้น สิ่งที่เราพยายามจะทำคืออย่าไปสนใจ เรื่องนี้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องตลก ถ้ามองคนเดียวจะเป็นเรื่องร้ายแรงแต่ใน 4-5 ปีที่ผ่านมามีคนโดนคดีคสช.มา 400-500 คนแล้ว เป็นเรื่องโจ๊กไปแล้ว

เซ็ตของกฎหมายที่บีบบังคับประชาชนจะต้องถูกแก้ไข ถ้าเราเป็นรัฐบาลจะแก้ไขทั้งหมด ทั้งพ.ร.บ.ไซเบอร์ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ที่ปิดปากประชาชน ต้องยกร่างใหม่ทั้งหมดเพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการรวมตัวของประชาชน เป็นเรื่องของทุกคนไม่ใช่แค่เรา เป็นการต่อสู้ทางวัฒนธรรม

การต่อสู้ที่ทำให้เกิดเปิดโปงการทุจริตเป็นไปได้จริง และเป็นการเพิ่มอำนาจให้ประชาชนในการต่อสู้กับอำนาจที่ฉ้อฉล อะไรที่เราควบคุมไม่ได้ อะไรที่เราไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือมัน คิดน้อยหน่อย เอามาใส่ใจน้อยหน่อย

พลังและเวลาควรจะเอาไปทำให้รัศมีของพื้นที่ที่เรามีอิทธิพลกว้างขึ้นเรื่อยๆ เวลาของเราถ้าเอาไปคิด ห่วง กังวลแต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือวงกลมของเราคงไม่ต้องทำงาน ดังนั้นเวลาที่เหลือของเรา 180 วันที่เหลือเราจะใช้เพื่อการนั้น

ล่าสุดรับเชิญไปเวที world economic forum ที่กรุงฮานอย เวียดนาม ปีนี้มีคิวร่วมรายการระหว่างประเทศที่ไหนอีกบ้าง

พรรณิการ์ : การพัฒนาบทบาทประเทศไทยในเวทีโลกยังรวมถึงเรื่องการเมือง ที่สำคัญในทางศักดิ์ศรีและความได้เปรียบ เสียเปรียบการเจรจาทางเศรษฐกิจ ไทยตกขบวนการเจรจานี้ไปหลายขบวนในระหว่าง รัฐบาลรัฐประหาร 4 ปีครึ่งที่ผ่านมา

เวทีนี้เปิดโอกาสให้ผู้นำการเมืองรุ่นใหม่ไปเสนอนโยบาย วาระทางการเมืองที่ใหม่ไปกว่านักการเมืองรุ่นเก่าเพื่อดูว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง ในสังคมโลกอย่างไร นาย ธนาธรได้รับเชิญเพราะถูกจับตามองว่าจะสร้างกระแสความเปลี่ยนแปลงนั้นในอาเซียน

จากนี้จะมีอีก 2 แห่งที่นายธนาธร ได้รับเชิญ คือที่มอนเทรออล์ แคนาดา วันที่ 22-23 ก.ย.นี้ ที่นิวยอร์ก สหรัฐ วันที่ 24-25 ก.ย.นี้ รายการหลังนี้เป็นการประชุมคู่ขนานกับ UN general assembly หรือสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่สมาชิกทุกชาติจะไปรวมตัวกัน รวมถึงพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยหากจะไป

การประชุมทั้ง 2 ครั้งนี้ ความสำคัญคือ รวมผู้นำทางการเมือง นักคิด นักธุรกิจ บุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลจากฝ่ายเสรีนิยม รายการที่นิวยอร์ก นายธนาธรได้รับเกียรติให้ไปประกาศวาระทางการเมืองของ อนค.ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ทั้งที่เรายังไม่ได้เป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ ทว่าผู้นำโลกเสรีเห็นถึงความสำคัญ จึงต้องการฟังวาระการเปลี่ยนแแปลงที่จะทำอะไรกับประเทศไทย หวังว่า 2 งานนี้จะทำให้ไทยมีจุดยืนเสรีประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนที่ชัดเจนขึ้นในสังคมโลกใน ปีหน้าที่จะเดินไปสู่การเลือกตั้ง

จะจัดวางความมั่นคงให้สอดคล้องต่อระบอบประชา ธิปไตยเพื่อให้ไทยโดดเด่นบนเวทีโลกอย่างไร

พงศกร : ความมั่นคงคือปัจจัยหลักที่ทำให้ประชาธิปไตย ไปยาก ความมั่นคงเฉพาะหน้าคือจะทำอย่างไรไม่ให้ทหารรัฐประหารอีกครั้ง ในโอกาสต่อไปต้องตัดวงจรนี้ทิ้งให้ได้ด้วยการปฏิรูป โดยต้องเกิดจากความร่วมของทหารและศาลคู่กันไป

หนทางคือแก้รัฐธรรมนูญในหลายจุดแล้วให้ประชาชนมีอำนาจพอในการต่อสู้กับทหารได้ ซึ่งมีอยู่ 2-3 วิธี หลักทั่วไปประชาชนต้องรับรู้ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนเอง ไม่ใช่รัฐราชการที่มีทหารเป็นผู้นำ

ส่วนความมั่นคงระยะยาวต้องอธิบายความกันเยอะ สิ่งที่พูดถึงความมั่นคงทุกวันนี้คือความสงบเรียบร้อย แต่นิยามที่ถูกต้องของความมั่นคงคือ พหุวัฒนธรรม คนที่มีความต่าง ความเชื่อไม่เหมือนกันอยู่ด้วยกันได้ โดยมีพื้นฐานง่ายๆ คือปัจจัย 4 และความปลอดภัยในชีวิต

ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เหมือนกัน พอมีการกดทับก็จะเกิดการต่อต้าน ต้องเปลี่ยนนิยามคำว่าความมั่นคงใหม่ ซึ่งไม่ใช่แค่ในประเทศต่างประเทศด้วย แล้วจะสะท้อนมาที่ไทย ซึ่งไม่จำกัดแค่การใช้กำลัง หลายประเทศมีเหตุจากระบบการเงินจึงต้องมองให้ครอบคลุมทุกปัจจัยที่ความเชื่อมโยงกันหมด รวมถึงการยืนบนเวทีโลกอย่าสง่างาม

สถานะของไทยไม่ใช่ประเทศเล็กๆ อยู่ราวอันดับ 20 ของโลกที่ต้องมีบทบาทด้านความมั่นคงด้วย ไม่ใช่พูดตามมหาอำนาจแต่ต้องกำหนดเกมให้มหาอำนาจด้วย ด้วยการเป็นผู้ริเริ่มไม่ใช่ผู้ตาม

ตัวอย่างง่ายๆ ที่เสียไปแล้วคือเกาหลีเหนือกับอเมริกา ถ้าสถานการณ์ดีไทยคือพื้นที่กลางการพูดคุย หรือกรณีทะเลจีนใต้ ชาติอาเซียนพิพาทกันหมด เราเหมาะจะเป็นตัวกลางจัดประชุม แต่ริเริ่มไม่เป็น ไม่มีขีดความสามารถที่จะบอกว่าพร้อม ต้องมีเครดิตในเวทีระหว่างประเทศก่อน ต้องรับกติกาสากล ถ้าทำได้ไทยจะเป็นแนวหน้าของโลกไม่ใช่สิงคโปร์ที่ไม่มีอะไรเลย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน