พลันที่ข้อความจาก นายชวน หลีกภัย ปรากฏผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ กลุ่มส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า
“ขอเป็นกำลังใจแก่ชาวพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน
ขอให้หนักแน่น มั่นคง เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ว่าจะคิดเห็น ต่างกันอย่างไร ให้ร่วมกันปกป้องพรรคที่ประชาชนเขามีส่วนร่วมมาตลอด”
บรรดา “คนใน”ของพรรคประชาธิปัตย์ย่อม “ตระหนัก”รู้
ตระหนักรู้ว่า มรสุมที่กำลังกระหน่ำเข้าใส่พรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้หนักหนาสาหัสอย่างที่สุด
ตระหนักรู้ว่าเป็น”มรสุม”มาจากที่ใด
ความเป็นจริงก็คือ มิได้เป็น”มรสุม”อันมาจากปรปักษ์เดิม หากแต่มาจากปรปักษ์ใหม่
สถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคหลังรัฐประหารเมื่อเดือน พฤษภาคม 2557 เมื่อผ่านเดือนพฤษภาคม 2561 ก็เริ่มมองเห็นแล้วว่า
ใครกันแน่ที่ต้องการเห็นความระส่ำระสายเกิดขึ้นกับพรรคประชาธิปัตย์
เริ่มตั้งแต่เมื่อแกนนำ”กปปส.”หวนกลับเข้าพรรค
ตามมาด้วยความพยายามจะผลักดัน ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เข้าไปแทนที่
โดยวางคนของ”กปปส.”คนหนึ่งเป็น”เลขาธิการพรรค”
หลังพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.พ.ศ.2561 ประกาศและบังคับใช้ “พลังดูด”ก็โหมซัดเข้าใส่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะจากทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าจะจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าจะจากพรรคพลังชล
และที่สุดยุทธศาสตร์ในการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคก็ทะลุทะลวงเข้าไป
โดยมีว่าที่”เลขาธิการพรรค”คนเดิมสำแดงบทบาท
จากนี้จึงเด่นชัดอย่างยิ่งว่า “มรสุม”อันกำลังกระหน่ำซัดเข้าใส่พรรคประชาธิปัตย์มีรากฐาน เค้ามูลมาอย่างไร
สัมพันธ์กับรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 อย่างไร
ยิ่งหากมองผ่าน”พลังดูด”จากพลังประชารัฐ จากรวมพลัง ประชาชาติไทย และจากพลังชล อันเท่ากับเป็นการประสานพลังยิ่งเห็นชัด
เห็นชัดว่าเป็นการสั่งการจาก”กองบัญชาการ”ใด