คสช.อาจคิดว่า คำถามที่ว่า 4 รัฐมนตรีที่เข้าไปรับตำแหน่งสำคัญ ในพรรคพลังประชารัฐ สมควรจะลาออกจากตำแหน่งในรัฐบาลหรือไม่เป็นเรื่องเล็กจ้อย
เพราะนายวิษณุ เครืองาม ก็ยืนยันแล้วว่าไม่จำเป็นต้องลาออก
“เพราะไม่มีกฎหมายห้าม”
เพราะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็การันตีแล้วว่า 4 รัฐมนตรี เป็นคนดี มีประโยชน์ต่อโครงการสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวรุดไปข้างหน้า
หาก “ลาออก” อาจทำให้โครงการใหญ่ชะงักงัน
แต่ถ้าประเมินจากอุณหภูมิในทางสังคม เรื่องเล็กก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้เหมือนกับเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
ปมเงื่อนอยู่ตรงที่ความเป็น “คนดี” ไม่ว่าจะออกมาจากปากคนอื่น ไม่ว่าจะออกมาจากปากของคสช.และรัฐบาลก็ตาม
ปมเงื่อนอยู่ตรงที่ความเป็น “คนมีความรู้” นั่นแหละ
นับวันคำถามในเรื่องจะลาออกหรือไม่ลาออก กำลังจะกลายเป็นบททดสอบอันแหลมคมว่า ทั้ง 4 รัฐมนตรีเป็น “คนดี”แท้จริง
หรือเสมอเป็นเพียง “วิญญูชน” จอมปลอม
ข้อเรียกร้องให้ลาออกจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระตุกใน เรื่อง “เจตนารมณ์” อันดำรงอยู่ภายใน “รัฐธรรมนูญ”
โดยเฉพาะคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับ “การเลือกตั้ง”
ข้อเรียกร้องให้ลาออกจาก นายภูมิธรรม เวชยชัย เน้นว่าคสช.และรัฐบาลอยู่ในฐานะ “มีเปรียบ” เหนือพรรคและกลุ่มการเมืองอื่นมาอย่างยาวนานแล้ว
ถึงตอนนี้สมควรจะเข้าต่อสู่แข่งขันกันอย่างแฟร์ๆ ไม่ควรจะชิงความได้เปรียบมากยิ่งไปกว่านี้
เท่ากับเป็นการสอบถามถึงความเป็น “สุภาพบุรุษ”
ประเด็นของเรื่องจึงมิได้จำกัดเพียงท่าทีของ 4 รัฐมนตรีแห่งพรรค พลังประชารัฐเท่านั้น
หากตีวงกว้างไปยัง “คสช.” และ “รัฐบาล”
เท่ากับเรื่องของพรรคพลังประชารัฐมิได้เป็นเรื่องของพรรค การเมืองอย่างโดดๆ หากแต่เป็นพรรคอันเป็นของคสช.และของรัฐบาลอย่างแจ้งชัด
เป็นคำถามถึง “กรรมการ” ที่ลงมาเป็น “ผู้เล่น”