พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเกมชิงตำแหน่ง “หัวหน้าพรรค”ด้วยความสดสวย งามตา เป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนชูหัวแม่โป้งให้ด้วยความทึ่ง
การตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือได้ว่าได้แต้มในทางการเมือง ไม่เพียงแต่ต่อตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หากแต่ยังต่อพรรคประชาธิปัตย์
ยกเว้นกระบวนท่าประชาธิปไตยทุกระดับอันปรากฏจากพรรคอนาคตใหม่แล้ว
ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์เดินเกมได้งดงาม
แต่เมื่อเกม “ชิงตำแหน่ง”หัวหน้าพรรคเข้าสู่โหมดแห่งการต่อสู้อย่างแท้จริง
ที่คิดว่าเป็นลำไม้ไผ่กลับจะกลายเป็น “บ้องกัญชา”ไป
ในตอนที่เดินสายหาเสียงแต้มต่อก็ยังเป็นของพรรคประชาธิปัตย์อยู่นั่นเอง เพราะเป็นกระบวนท่าที่ใช้ช่องทางกฎหมายในการตระเวนไปในขอบเขตทั่วประเทศ
เท่ากับเคลื่อนไหวได้เหมือนกับที่ “กลุ่มสามมิตร”เคยทำได้อย่างคึกคักมาแล้ว
เรียกได้ว่าเป็นฝีมือระดับ “อภินิหาร”ในทางกฎหมาย
แม้ว่าตลอด 2 รายทางจะปรากฏกระแสแห่งความขัดแย้งแย่งชิงไม่ว่าจะที่ชุมพร ไม่ว่าจะที่สงขลา อึกทึกครึกโครมขึ้นมาเพราะความเห็นต่าง 2 แนวทาง
แต่ก็ปุโลปุเลได้ว่า นั่นเป็นเรื่องธรรมดาอย่างปกติของประชาธิปไตยภายในพรรค
กระนั้น เมื่อมาถึงระดับ “หยั่งเสียง”โดย “เทคโนโลยี”
ตอนนี้การปะทะระหว่างสายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับสายของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ก็มิได้เป็นเรื่องธรรมดาอย่างปกติเสียแล้ว
ทำท่าว่าจะจบไม่เพียงแต่ “วอล์กเอาต์”หากอยู่ที่ “ศาล”
พลันที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ยืนยันจะฟ้อง ประสานเข้ากับความขึงขังอันมาจาก “อัยการเก่า”ระดับ นายถาวร เสนเนียม
ก็ต้องยอมรับว่า มิได้เป็นเรื่องประเภท “ล้อเล่น”อีกแล้ว
ในที่สุดเป้าที่ 2 คนพุ่งเข้าใส่เป็น “แก๊งไอติม”ที่ดำรงอยู่เหมือนกับเป็น “เงาหลัง”ให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตั้งแต่ต้นจนจบ
เพราะนั่นคือที่มาแห่งความปั่นป่วนห้วง “หยั่งเสียง”