กระบวนการ “ข่าวลือ” เกี่ยวกับการหายตัวไปของ พระเทพญาณมหามุนี และ นายองอาจ ธรรมนิทา
ยิ่งวัน ยิ่งมากด้วย”ความอ่อนไหว”
อ่อนไหวเพราะมิได้เป็น “การปล่อย”ออกมาจากฝ่ายของ พระเทพญาณมหามุนี หรือฝ่ายของ นายองอาจ ธรรมนิทา
หากแต่มาจากฝ่ายของ “ดีเอสไอ”และ”ตำรวจ”
สังคมรับรู้ว่า “ข่าวลือ” นี้มีการโหมและประโคมอย่างอึกทึกจาก 1 นพ.มโน เลาหวณิช และ 1 นายไพบูลย์ นิติตะวัน
2 คนนี้ยืนตรงกันข้ามกับ”วัดพระธรรมกาย”
2 คนนี้ได้รับเกียรติจาก”ดีเอสไอ”เชิญตัวไปให้คำปรึกษาเมื่อได้รับ “หมายค้น”
“ข่าวลือ” มาจาก 2 คนนี้อย่างเด่นชัด
เหมือนกับเป้าหมายในการ”ปล่อยข่าว”ออกมาจะต้องการกดดันไปยัง “วัดพระธรรมกาย” แต่เอาเข้าจริงๆกลับกลายเป็นเหมือนดังเพลงของ เบิร์ด ธงไชย
“บูมเมอแรง”
ยิ่ง “รายละเอียด” การหายตัวไปของ พระเทพญาณมหามุนี และ นายองอาจ ธรรมนิทา มากด้วยสีสันเพียงใด
“ดีเอสไอ”และ”ตำรวจ”ยิ่งต้องรับเละ
ด้านหลักของ “การข่าว” อาจต้องการแสดงให้เห็นอาการดื้อด้าน ไม่ยอมรับในความศักดิ์สิทธิ์ของ “กฎหมาย”
แต่ถามว่าใครกันละที่เป็นคนยึดกุมกฎหมายเป็น”เครื่องมือ”
ในด้านของ “ตำรวจ” ก็สนองกำลังพลจากกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 ให้ถึง 15 กองพล
ยัง “ดีเอสไอ”ก็มี”โดรน”คอยบิน”ตรวจการณ์”
ด่านที่ตั้งบริเวณโดยรอบ “วัดพระธรรมกาย” ก็มีจำนวนมากมาย
แล้ว “ตู้คอนเทนเนอร์”เล็ดลอดไปได้อย่างไร
เล็ดลอดไม่ได้เล็ดลอดอย่างธรรมดา หากเป็นไปได้ว่าจะตรงไปยังเกาะสอง ระนอง
แล้วจึงค่อย”บิน”ออกไป
อย่าได้แปลกใจกับท่าทีอันมาจาก”ดีเอสไอ”และจาก”ตำรวจ”ดำเนินไปอย่างมีเอกภาพ
1 ไม่รับรองใน”ข่าว”
ขณะเดียวกัน 1 ก็ดำเนินการตรวจสอบทุกช่องทางที่เปิดให้ในทางกฎหมายอย่างเต็มที่
“ตำรวจ”ก็เน้นไปยัง”ตม.”
“ดีเอสไอ” ถึงกับทำหนังสือสอบถามไปยังทางตำรวจแห่งฝรั่งเศส
ไม่มีเสียงจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมืองไม่มีเสียงจาก พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล เสียงจาก นพ.มโน เลาหวณิช และ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ก็ค่อยๆแผ่วลง
ตอบไม่ได้ว่า พระเทพญาณมหามุนี ยังอยู่หรือไม่
ตอบไม่ได้ว่า นายองอาจ ธรรมนิทา ยังอยู่หรือไม่