เด็กหนุ่มติดเกม กับชีวิตที่ได้แต่ทำร้ายคนรอบข้าง

จากข้อมูลอ้างอิงของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข* เปิดเผยว่า เด็กไทยติดเกมหนักเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย

โดยจุดเริ่มต้นของคนที่ติดเกมมักจะมีจิตใจที่คิดว่า จะสามารถหยุดได้

ผมมีโอกาสรู้จัก “ฝุ่น” เขาเป็นคนที่ไม่โดดเด่นในด้านวิชาการ กิจกรรม และเข้าสังคมไม่เก่ง ทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อนเยอะ ในขณะที่อยู่มัธยมปลาย “เกมออนไลน์” ก็เริ่มเข้ามาและเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียน จุดเริ่มต้นของการเล่นเกม ฝุ่นบอกว่าเพื่อนชวนให้ลองเล่นดูมันสนุกมากๆ และก็คิดว่า “ไม่น่าจะมีผลกระทบที่ไม่ดี แค่เล่นสนุกๆ และก็อยากจะมีสังคม จะได้มีเรื่องคุยกับคนอื่นๆ”

ฝุ่นเริ่มมีตัวตนในสังคมของเกมออนไลน์ เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ แต่การที่จะได้ขึ้น Top Ranking เขาก็ต้องแลกมาด้วยความพยายามและทุ่มเท จนละเลยในสิ่งที่ตัวเองควรจะทำ

เขาเริ่มใส่ใจการเรียนน้อยลง มีเวลาว่างเมื่อไรก็ต้องไปร้านเกม ไม่ส่งการบ้าน ตามมาด้วยการโดดเรียน เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงเรียนตามเพื่อนไม่ทัน

พอผลการเรียนตกต่ำ ก็เริ่มทะเลาะกับพ่อแม่ ผมถามว่าเคยเล่นหนักสุดกี่ชั่วโมง เขาบอกว่า “ประมาณ 50 ชั่วโมง” คือเล่นแบบ non-stop ไม่ออกไปพบปะผู้คน สั่งอาหารมานั่งกินที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
การจะเป็นเกมเมอร์ที่เจ๋ง จะต้องมี “Item” ซึ่งตอนแรกๆ เขาก็ยอมอดข้าวกลางวันเพื่อสะสมเงินซื้อเอง นานวันเข้า Item ก็กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ของมันต้องมี”

ฝุ่นเล่าว่าเขาเริ่มขโมยเงินแม่เพื่อไปซื้อ Item ออนไลน์ พอแม่จับได้ก็เริ่มทะเลาะ แต่เขาก็หยุดตัวเองไม่ได้ จนพ่อแม่ก็อ่อนใจที่จะห้ามปราม

ความกังวลของพ่อแม่เริ่มเยอะขึ้น เมื่อฝุ่นยังสอบมหาวิทยาลัยไม่ติด และไม่รู้สึกทุกข์ร้อนกับอนาคตของตัวเองเลย เขายังมุ่งมั่นและทุ่มเทกับการจะเป็นยอดเกมเมอร์และได้ Item ล้ำๆ
แต่ตอนที่เขากำลังจะได้ Item ที่เฝ้ารอหลังจากเล่นมาหลายชั่วโมง

ทันใดนั้น พรึ่บ!! หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ดับลง โลกของเขาหยุดหมุน สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปชั่วขณะ และมารู้ตัวอีกทีก็พบว่า มือชกไปที่แม่หลายครั้ง หน้าของแม่นองไปด้วยน้ำตา พร้อมกับตะโกนบอกเขาว่า “ต่อยมาเลย ต่อยมาอีก ไอ้ลูกชั่ว ทรพี!!”

ผมถามฝุ่นว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อตอนได้สติคืนมา ฝุ่นตอบว่า “เขาไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำผิดด้วยซ้ำ ไม่ได้รู้สึกว่านั่นคือแม่ แต่คือคนที่ทำให้โลกของเขาล่มสลาย

เมื่อตอนเขาอยู่ปี 3 พ่อเสียชีวิต เขาคือพี่ชายคนโต มีน้องสาว และแม่ เขาอยากจะเป็นเสาหลักให้คนทั้งสอง แต่ก็ออกจากโลกของเกมไม่ได้

จนเมื่อเขาตัดสินใจเข้ามาเก็บตัวที่มูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ (IYF) เพื่อเตรียมตัวไปเป็นอาสาสมัครที่ต่างประเทศ ได้ไปใช้ชีวิตที่ประเทศแทนซาเนีย ทวีปแอฟริกา เป็นเวลาหนึ่งปี ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น และไม่ได้เล่นเกมเลย พอกลับมาก็คิดว่าสามารถเลิกเล่นเกมอย่างเด็ดขาด แต่เมื่อกลับมาใช้ชีวิตด้วยสภาพแวดล้อมเดิมๆ ฝุ่นก็เริ่มกลับไปอยู่ในวังวนเดิมๆ อีกครั้ง

ผมได้เห็นพฤติกรรมของฝุ่นจึงได้เรียกมาพูดคุย บอกเขาว่า คนที่รู้ว่าการใช้ชีวิตที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ก็ยังกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นก็ไม่ต่างจาก “สุนัขที่กลับไปกินสิ่งที่มันสำรอกออกมา” หมายความว่า สิ่งที่สำรอกออกมา คือ สกปรกและน่ารังเกียจมาก

ถ้า ‘มองเห็น’ จริงๆ ว่าการเล่นเกมทำให้ทุกอย่างในชีวิตพัง ก็จะไม่สามารถกลับไปเล่นเกมได้อีก แต่เป็นเพราะไม่ได้รู้สึกถึงความน่ารังเกียจนั้น ก็เลยกลับไปทำแบบเดิมได้

เมื่อฝุ่นได้รับคำปรึกษาจากผม เขาจึงมีโอกาสเห็นจิตใจของตัวเองว่า สกปรก และถ้ายังติดตามจิตใจแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็จะได้ทำร้ายคนรอบข้าง ใช้ชีวิตที่กลายเป็นคนไร้ค่า และไม่มีอนาคต

เมื่อฝุ่น ‘รับ’ คำพูดของผมเข้าไปในจิตใจ ผมเริ่มสังเกตว่าจิตใจของเขาค่อยๆ เปลี่ยนจากคนที่อยู่กับตัวเอง และนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ กลับมาใช้เวลาเพื่อคนรอบข้าง เช่น สอนภาษาอังกฤษ และให้คำปรึกษากับน้องๆ ที่มีพฤติกรรมเรื่องการติดเกม โดยการแบ่งปันเรื่องราวของตัวเอง และหันมาใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นมากขึ้น จนไม่ได้กลับไปเล่นเกมอีกเลย


ดร.(กิตติมศักดิ์) ฮักเชิล คิม
ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ ประจำประเทศไทย
[email protected]

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน