การเดินเข้าพรรคไทยรักษาชาติของ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล กับ นายสุธรรม แสงประทุม อาจเป็นสัญญาณอันส่งผลสะเทือน อย่างสูงในทางการเมือง

ในฐานะที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล เป็นนักการเมืองภาค เหนือและมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูล”ชินวัตร”

ในฐานะที่ นายสุธรรม แสงประทุม เป็นนักการเมืองภาคใต้ที่ มีบทบาทเป็นอย่างสูงตั้งแต่ก่อนสถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 และมีส่วนร่วมกับพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ต้น

แต่การเดินเข้าพรรคไทยรักษาชาติของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แรงสะเทือนล้ำลึก กว้างขวางกว่า

ล้ำลึกในด้าน”ประชาธิปไตย”และในด้าน “มวลชน”

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ มีความโดดเด่นในแง่ที่เป็นภาพลักษณ์แห่งการยืนหยัดต่อสู้อย่าง เคียงบ่าเคียงไหล่กับประชาชน

ไม่ว่าในเรื่องสิทธิ เสรีภาพ อันอยู่ในปริมณฑลแห่งจิตวิญญาณของ “ประชาธิปไตย”

ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549

ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 และต่อเนื่องมา กระทั่งตราบ ณ วันนี้

ไม่ว่าเมื่ออยู่พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าเมื่ออยู่พรรคประชาชน ไม่ว่าเมื่ออยู่พรรคความหวังใหม่ ปฏิมาแห่งความเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตยของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง เห็นได้ชัด

ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ไม่เคยแปรเปลี่ยนไม่ว่าอยู่บนท้องถนน ไม่ว่าอยู่ในรัฐสภา

การเดินเข้าพรรคไทยรักษาชาติของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ทำให้ภาพของพรรคไทยรักษาแจ่มชัด

ในฐานะ “กองหน้า”แห่งพันธมิตร”ประชาธิปไตย”

ความเด่นชัดในที่นี้มิได้หมายความว่าพรรคไทยรักษาชาติจะมีลักษณะเฉพาะกิจ มาเพียงวูบวาบและก็สลายหายไป

ตรงกันข้าม กลับเป็นอีกพรรคหนึ่งในพันธมิตรการเมือง

เป็นพันธมิตรที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคเพื่อไทย พรรคประชาติ หรือแม้กระทั่งพรรคอนาคตใหม่ได้อย่างองอาจและมากด้วยความสง่างาม

ก่อให้เกิด”แนวร่วม”ประจันหน้ากับ”เผด็จการ”อีกพรรคหนึ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน