พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจสงสัยว่า ทำไม “ปรองดอง”จึงนำไปสู่ “คำถาม”มากมาย

เพราะ “ปรองดอง” นั่นแหละจึงปรากฏ “เอ็มโอยู”
เพราะ “เอ็มโอยู” นั่นแหละจึงสร้างความหงุดหงิดให้บังเกิดกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ขณะเดียวกัน ผลสะเทือนของ “เอ็มโอยู” ไปไกลกว่านั้น
ไปไกลถึงระดับที่มีเสียงเรียกร้องจาก นายกษิต ภิรมย์ เรียกร้องให้ “ทหาร” เข้ามามีส่วนร่วมในการลงนามด้วย
“โปรดอย่าลืมว่า เอ็มโอยูที่คนไทยต้องการนั้นรวมถึงการที่ทหารจะไม่ออกมาทำการรัฐประหารและฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งด้วยในอนาคต”
เหมือนกับ “ปรองดอง” กำลังจะ “โก โซ บิก”
เพราะความหวาดระแวง แคลงใจ และข้อเรียกร้องเหล่านี้ล้วนมาจากคนใกล้ชิดกัน
ไม่ว่าจะเป็น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ว่าจะเป็น นายกษิต ภิรมย์
ล้วนเป็น “หนึ่งมิตรชิดใกล้”

ก็ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มิใช่หรือที่เล่นบท”เลขาธิการ”กปปส.ตั้งแต่ปลายปี 2556
นำไปสู่”รัฐประหาร”ในเดือนพฤษภาคม 2557
ยิ่งหากใครได้อ่านสัมภาษณ์พิเศษ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในสื่อก็จะประจักษ์ว่า
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มีการต่อสายต่อเนื่อง
เป็นการต่อสายกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งปัจจุบันคือหัวหน้าคสช. คือหัวหน้ารัฐบาล
รัฐบาลอันมาจากรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
ยิ่ง นายกษิต ภิรมย์ ก็เป็นเจ้าของวลีที่ว่า “อาหารดี ดนตรีเพราะ” ในการร่วมเข้าร่วมยึดทำเนียบรัฐบาล เข้าร่วมยึดสนามบิน กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ย่อมรู้เส้นสนกลในของ “รัฐประหาร”มาอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
ยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน

ถามว่าข้อเรียกร้องให้”ทหาร”ร่วมลงนาม”เอ็มโอยู”ว่าจะไม่ทำ”รัฐ ประหาร”มีความเป็นมาอย่างไร
ก็ต้องย้อนกลับไปยังคำถามจากบางคนใน”ประชาธิปัตย์”
นั่นก็คือ คำถามที่ว่าหากจะมี”การปรองดอง”ก็จะต้องตอบให้ได้ว่า “คู่ขัดแย้งเป็นใคร”
แน่นอน “ประชาธิปัตย์”ไม่ยอมรับว่าเป็น “คู่ขัดแย้ง”
เพราะไม่ยอมรับนั่นแหละจึงไม่ยอมเซ็น “เอ็มโอยู” เพราะไม่ยอมรับนั่นแหละจึงนำไปสู่ข้อเสนอที่ว่า “ทหาร”ควรร่วมในการเซ็น “เอ็มโอยู”
“ปฏิกิริยา” อันมาจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ นายกษิต ภิรมย์ ต่างหาก คือ “คำตอบ”
ยิ้มเห็นแก้ม แย้มเห็นไรฟัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน