มาตรการลด แลก แจก แถม อันกระหน่ำออกมาในห้วงเทศกาล คริสต์มาส ยันปีใหม่ ไม่ว่าจะโดยกระทรวงการคลัง ไม่ว่าจะโดย กระทรวงพาณิชย์ ไม่ว่าจะโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เหมือนกับเป็น “หมัดเด็ด” เป็น “ของขวัญ” อันโปรยลงมาจากเฮลิคอปเตอร์
สร้างคะแนนนิยมให้ “คสช.”
จัดสรรใส่พานมาให้โดย “รัฐมนตรี”ที่มีบทบาทเป็นอย่างสูงอยู่ใน “พรรคพลังประชารัฐ”
ก่อนการเลือกตั้งเพียง 2 เดือน
เท่ากับเป็นการเปิดรุกในลักษณะ 3 ประสานระหว่างคสช.กับรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ
เหมือนกับเป็นการพับสนาม ยิงประตูจนพรุน
ในทางการเมืองเป็นการเปิดเกม “รุก” สร้างความเหนือกว่าอย่างเด่นชัด ไม่ว่าต่อพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าต่อพรรคประชาธิปัตย์
กระนั้น เพียงปะเข้ากับเสียงบางเสียง ก็เริ่มเรรวน ป่วนปั่น
มิใช่เสียงวิจารณ์อันดังมาจากพรรคเพื่อไทย มิใช่เสียงวิจารณ์อันดังมาจากพรรคไทยรักษาชาติ มิใช่เสียงวิจารณ์อันดัง มาจากพรรคอนาคตใหม่
หากแต่เป็นเสียงอันดังมาจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แห่ง พรรครวมพลังประชาชาติไทย
เป็นบทสรุปภายหลังจากปฏิบัติการ”เดินคารวะแผ่นดิน”ในพื้นที่กทม. ภาคตะวันออก ภาคกลาง และทะลวงไปยังภาคใต้ แล้วสะท้อนความรู้สึกของชาวบ้านออกมาสั้นๆว่า
“สาหัส”
แน่นอน คำว่า”สาหัส” คือความรู้สึกของชาวบ้านต่อผลงานของตลอด 4 ปีกว่าของคสช.และของรัฐบาล แต่ที่”สาหัส”ยิ่งกว่านั้นคือผ่านปาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
ผลก็คือ คะแนนที่คิดว่าจะได้กลับจะกลายเป็นตรงกันข้าม
มีความเชื่อมั่นค่อนข้างสูงว่าระยะ 2 เดือนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ประเด็นเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน จะได้รับการพูดถึงมากเป็นพิเศษ
ในที่สุดแล้วก็คือ การสะท้อนให้รับรู้ว่าชีวิตของชาวบ้านในยุคหลังรัฐประหารเป็นอย่างไร
ควรไว้วางใจให้”บริหาร” ประเทศต่อไปอีกหรือไม่