ปมเงื่อนอันเกี่ยวกับคดี 99 ศพที่เปรี้ยงปร้างขึ้นมาในขณะนี้คล้าย กับจะเป็นข้อขัดแย้งระหว่าง 1 ดีเอสไอ อัยการกับ 1 นปช.คนเสื้อแดง
ทั้งๆที่ไม่ใช่
หากมองผ่าน”แนว”ที่ทั้ง 2 ตั้งป้อมค่ายประจันหน้ากันอยู่อาจเห็นว่าเป็นเช่นนั้น
แต่ถามว่า ดีเอสไอ อัยการ ทำตาม”ธง”ของใคร
และยิ่งหากถามต่อไปอีกว่ามีแต่เพียง นปช.คนเสื้อแดงเท่านั้นหรือที่ดำรงอยู่ในฐานะเป็นคู่ขัดแย้ง
ต้องถามว่ารากฐานของนปช.มาอย่างไร
ยิ่งหากถามถึงรากฐานที่ก่อภาวะบิดเบี้ยวให้บังเกิดผ่านดีเอสไอและอัยการ ยิ่งจะดำเนินไปในลักษณะบานปลาย
หากดูจากความเป็นจริงที่ปรากฏเด่นชัดยิ่งว่าคดี 99 ศพมาจาก สถานการณ์การชุมนุมและการปราบปรามเมื่อเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
คำถามก็คือเป็นรัฐบาลใด คำถามก็คือรัฐบาลใช้กลไกใดใน การปราบปราม สลายการชุมนุม
คำตอบคือ รัฐบาล”พรรคประชาธิปัตย์”
คำตอบคือ กลไกกระทรวงกลาโหมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพบก
ความน่าสนใจก็คือ ตัวละครยังอยู่ครบถ้วน
ไม่ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
จาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังโยงไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และยังโยงไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นี่ต่างหากคือตัวจริงเสียงจริงของคดี 99 ศพ
อย่าได้แปลกใจหากจะมีข่าวการต่อสายจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปยังพรรคประชาธิปัตย์
เพื่อเชื่อมให้เป็นพันธมิตรกับ”พลังประชารัฐ”
ขณะเดียวกัน การเดินหน้าของนปช.ก็มิได้หมายถึง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แห่งพรรคไทยรักษาชาติเท่านั้น หากยังหมายรวมไปยังพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ อีกด้วย
นี่คือ 2 ป้อมค่ายที่ประจันหน้าผ่านคดี 99 ศพจากเดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
