บทบรรณาธิการ : รูปหาเสียงอดีตนายกฯ
บทบรรณาธิการ : รูปหาเสียงอดีตนายกฯ – ข้อห้ามใช้หาเสียงในร่างระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เต็มไปด้วยรายละเอียดยิบย่อยมากมาย จนดูเหมือนการควบคุมและจำกัดการหาเสียงอย่างไม่เคยปรากฏความเข้มข้นเช่นนี้มาก่อน
เช่น กำหนดการจัดทำแผ่นป้ายหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งส.ส. ว่าผู้สมัครส.ส.เขต จัดทำแผ่นป้ายคัตเอาต์หาเสียงของตัวเองได้ จำนวนไม่เกิน 2 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในแต่ละเขต
พรรคการเมืองจัดทำป้ายคัตเอาต์หาเสียงได้เอง จำนวนไม่เกิน 1 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้งในแต่ละเขต รถหาเสียงของผู้สมัครแต่ละเขตมีรถแห่หาเสียงได้ไม่เกิน 10 คัน
อีกทั้งห้ามใช้รูปบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ ผู้สมัครส.ส.เขต หัวหน้าพรรค หรือว่าที่นายกรัฐมนตรี ตามที่พรรคเสนอ
ข้อห้ามดังกล่าวมีผลว่า พรรคการเมืองอย่างน้อย 3 พรรคจะใช้รูปอดีตนายกรัฐมนตรี 3 ท่าน ได้แก่ นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายชวน หลีกภัย ไม่ได้อีก
แม้บุคคลทั้งสามล้วนเคยเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง สมัยเป็นผู้นำได้สร้างผลงานทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจประชาชน จึงเป็นทางเลือกที่ประชาชนต้องตัดสินใจเอง
แต่ข้อห้ามอันแปลกใหม่นี้ไม่ได้มีเหตุผลมาประกอบให้กระจ่างชัด ยิ่งทำให้ กกต. ถูกมองด้วยสายตาที่คลางแคลงใจในการทำหน้าที่
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองที่สนับสนุนให้ผู้นำคนปัจจุบันเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ กำหนดว่าให้เผยแพร่รูปได้ และทำได้อย่างกว้างขวาง
สอดคล้องกับเงื่อนไขของรัฐธรรม นูญ ว่า นายกฯ คนต่อไปอาจไม่ต้องมาจากการเลือกตั้งและไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคก็ได้
กรณีนี้จึงเป็นคำถามเรื่องที่มาของหลักเกณฑ์และความแตกต่างในการใช้ภาพหาเสียง ระหว่างอดีตนายกฯ กับนายกฯ คนปัจจุบัน
เมื่ออดีตนายกฯ สองคนต้องโทษทางการเมือง ไม่มีโอกาสจะมีตำแหน่งใดๆ ในพรรคการเมืองได้อีก ส่วนอดีตนายกฯ ชวนไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคหรือมีบทบาทในรัฐบาลปัจจุบัน การจะใช้รูปหรือไม่ใช้รูปคู่ผู้สมัครในการหาเสียง จึงเป็นเรื่องความนิยมชมชอบส่วนบุคคล และการตัดสินใจของประชาชน
ส่วนนายกฯ คนปัจจุบันแสดงเจตจำนงแล้วว่าต้องการทำงานต่อไปในฐานะผู้นำประเทศ ขณะถือครองกลไกการบริหารราชการ สื่อของรัฐ และงบประมาณของประเทศ อีกทั้งใช้อำนาจทางกฎหมายพิเศษในฐานะหัวหน้า คสช.ได้ดังเดิม
เหตุใดความชอบส่วนตัวกับความได้เปรียบทางการเมือง จึงถูกปฏิบัติให้เหลื่อมล้ำกันในข้อบังคับการหาเสียง