ขณะที่พรรคพลังประชารัฐเดินหน้าไปหยิบเงิน 600 กว่าล้านบาท ขณะที่พรรครวมพลังประชาชาติไทยเดินหน้าไปหยิบเงิน 240 กว่า ล้านบาทมาเก็บไว้ด้วยลีลาสบายๆ
เมื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เดินไปพบประชาชนเพื่อหาสมาชิกพรรคเพื่อไทย
ปรากฏว่า มีทหาร ตำรวจ ตามประกบ
เมื่อ นายวรชัย เหมะ เดินไปพบปะประชาชนเพื่อหาสมาชิกในพื้นที่ตนแสดงความจำนงจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ปรากฏว่ามีทหาร ตำรวจ ขี่มอเตอร์ไซค์เรียงเคียงข้างตลอดเส้นทาง
นี่คือ ความแตกต่าง
เป็นความแตกต่างระหว่างพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย กับ พรรคเพื่อไทย
ความแตกต่างนี้สะท้อนความได้เปรียบอย่างเด่นชัด ความแตกต่างนี้สะท้อนความเสียเปรียบอย่างเด่นชัด
ทั้งที่กกต.ประกาศให้การเลือกตั้งมี “ความเที่ยงธรรม”
ถามว่าปรากฏการณ์อันเกิดขึ้นระหว่างพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย กับ พรรคเพื่อไทย เกิดขึ้นได้อย่างไรในเมื่อมีการประกาศปลดล็อกแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม
เหตุใดสภาพที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประสบ จึงแทบไม่แตกต่างไปจากสภาพที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยประสบ ในห้วงหลังรัฐประหาร
ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญของการปฏิบัติจากทหารและตำรวจในแต่ละพื้นที่คือ
หากเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ก็จะไปอำนวยความสะดวกให้ ขณะที่หากเป็นพรรคเพื่อไทยก็จะไปคอยประกบ
ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด ไม่ว่าจะพบปะกับคนใด ไม่ยอมให้คลาดจากสายตา
ถามว่าเมื่อมีการโอดโอยขึ้นมา ไม่ว่าจะจาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่ว่าจะจาก นายวรชัย เหมะ ทางกกต.ซึ่งถือว่าเป็นกรรมการในการเลือกตั้งมีท่าทีอย่างไร
ตอบได้เลยว่า ไม่เคยมี”ท่าที”อะไร
คำประกาศ “ปลดล็อก”ก็เสมอเป็นเพียงคำประกาศ ขณะที่การปฏิบัติจริงเป็นไปในอีกเส้นทางหนึ่ง
ความได้เปรียบ เสียเปรียบ จึงปรากฏ