เปิดปูมปัญหาหย่าร้าง ของชีวิตคู่ – รักอย่างไรให้ยืนยาว

ข้อมูลการสำรวจของกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 6 ก.พ. 2561 มีคู่รักมาจดทะเบียนสมรส 31,173 คู่ และมีการจดทะเบียนหย่าแล้ว 14,047 คู่ เป็นตัวเลขที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก และยังมีอีกหลายคู่ ที่ไม่ได้จดทะเบียนแล้วก็เลิกลากันไป

เมื่อผมเดินทางไปบรรยายตามที่ต่างๆ ทำให้ทราบถึงปัญหาหนึ่งที่พบบ่อย ไม่ต่างจากปัญหาเยาวชน หรือปัญหายาเสพติด นั่นคือปัญหาการหย่าร้าง การแยกกันอยู่ของคู่สามีภรรยา

ผมมีโอกาสคิดถึงสาเหตุของปัญหานี้ แล้วทำให้นึกถึงชายคนหนึ่งที่ผมรู้จัก เมื่อผมเดินทางกลับไปเกาหลีเมื่อกลางปีที่แล้ว เขาเป็นชายวัย 60 ปี ทำงานเป็นนักกายภาพบำบัดอยู่ที่เมืองอุลซาน เขาสูญเสียตาทั้ง 2 ข้างตั้งแต่วัยเด็ก ด้วยโรคต้อกระจก เพราะได้รับการรักษาที่ช้าเกินไป เมื่อปีที่แล้วที่ได้พบกับเขา เขาบอกกับผมว่า เขาเพิ่งให้สัมภาษณ์ออกอากาศทางโทรทัศน์ช่อง NBC และ SBS ของเกาหลีใต้ แล้วเขาก็เปิดวิดีโอที่เขาให้สัมภาษณ์ไปให้ผมดู

ผมได้เห็นว่า เขาปั่นจักรยานได้เร็วมาก และปั่นเป็นประจำทุกวัน วันละ 70 กิโลเมตร โดยรับสัญญาณการกระตุกเสื้อซ้าย-ขวา จากภรรยาที่ซ้อนท้าย เขาใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมาแบบนี้ 30 ปีแล้ว ผมถามกับภรรยาของเขาว่า “ขี่จักรยานแบบนี้ เคยเกิดอุบัติเหตุบ้างไหม” เธอบอกว่า “ไม่เคยเลยค่ะ เพราะฉันมีความเชื่อในตัวสามี และก็เชื่อว่าฉันเองเป็นคนขับด้วย มันจึงเป็นความรู้สึกร่วมกันเหมือนเป็นคนคนเดียวกัน”

“เวลาที่ได้ปั่นจักรยานด้วยกันทุกวันแบบนี้ เป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน เหมือนเป็นการเดทของเราสองคน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากค่ะ” ภรรยาของเขายังบอกอีกว่า “สาเหตุที่แต่งงานกับสามีที่ตาบอดคนนี้ เพราะว่าเขาเป็นคนที่ร่าเริงและสดใส คิดว่าอยู่กับเขาแล้วน่าจะมีความสุข จึงแต่งงานกับเขา ถึงแม้เขาจะพิการแต่ฉันกลับหลงรักเขาค่ะ” ส่วนสามีก็บอกว่า “เพราะผมเป็นคนพิการที่มองไม่เห็น หลายครั้งที่ทำอะไรไม่ได้ก็จะเครียดมาก และก็จะรู้สึกว่าอยากจะปั่นจักรยาน ผมจึงอยากขอให้ภรรยาช่วยผม และด้วยความช่วยเหลือจากภรรยานั้น ความฝันนี้จึงได้สำเร็จ เป็นเพราะเราเชื่อในกันและกัน

การที่ภรรยาเชื่อในตัวผม ทำให้ผมสามารถทำอะไรได้มากขึ้น ตอนที่ผมมีภรรยาอยู่ข้างๆ ผมรู้สึกมีความมั่นใจเหมือนเป็นคนที่มองเห็นได้ และไม่รู้สึกว่าเป็นคนพิการ และการที่ผมข้ามผ่านหลายๆ สิ่งมาได้ ก็เพราะว่าผมมีภรรยาครับ เมื่อตอนที่ไม่มีภรรยาผมก็คนพิการตาบอดนี่แหละครับ ต่อจากนี้เราก็อยากใช้ชีวิตด้วยใจเดียวกัน ปั่นจักรยานด้วยกันไปเรื่อยๆ ครับ”

พวกเขามีลูกชายและหลานสาวที่น่ารักมากด้วยครับ ทุกครั้งที่ผมได้พูดคุยกับเขา เขาทำให้ผมรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนตาบอด เขาใช้ชีวิตมองเห็นในสิ่งที่คนตาปกติดีหลายๆ คนมองไม่เห็น มีโอกาสได้มองเห็นความช่วยเหลือที่มาจากภรรยาถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ส่วนภรรยาก็มีโอกาสมองเห็นคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในความพิการและความบกพร่องของสามี ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยมองเห็นคุณค่าของการมีกันและกันอยู่ ส่งเสริมและสนับสนุนให้อีกฝ่ายก้าวผ่านความยากลำบากไปด้วยกัน

ผมอยากให้บทความของผมในสัปดาห์นี้ ได้เปิดตาใจของคู่สามีภรรยา หรือคู่รักที่กำลังจะตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน หรือใครก็ตามที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ได้มีโอกาสมองเห็นว่าตอนนี้ คุณกำลังใช้ชีวิตคู่แบบไหนอยู่แบบที่เห็นคุณค่าและความสำคัญของการที่มีคนอีกคนอยู่ข้างๆ และอยากสนับสนุนให้อีกฝ่ายได้ก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคต่างๆ ไปได้ หรือต่างใช้ชีวิตแข่งขันกันอยากเอาชนะอีกฝ่ายอยู่ครับ


ดร.(กิตติมศักดิ์) ฮักเชิล คิม
ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ ประจำประเทศไทย
[email protected]

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน