ความทุกข์ ของเศรษฐีชั่วข้ามคืน

คุณเคยเห็นรีวิวแนะนำร้านอาหารที่คนล่ำลือกันว่าอร่อยนักหนา แต่พอได้กินกลับรู้สึกว่าไม่อร่อยอย่างที่เขาบอกไหมครับ ส่วนตัวผมเพิ่งกลับมาจากการไปบรรยายที่ประเทศคาซัคสถานมา อาจารย์ที่นั่นบอกว่ามาถึงที่นี่แล้วต้องกินเนื้อม้าให้ได้ แต่พอได้กินเข้าไปจริงๆ ผมกลับรู้สึกว่า ไม่ได้อร่อยเท่ากิมจิธรรมดา ที่คนเกาหลีอย่างผมกินอยู่ทุกวัน

ทำนองเดียวกันมีหลายคนคิดว่า “ถ้าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 คงมีความสุข” แต่คุณเคยรู้ไหมครับว่าคนที่เขาถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่จริงๆ น้อยคนนักที่จะมีชีวิตที่สงบสุขจริง

ปีก่อนมีนักศึกษามาคุยกับผมว่า อยากไปเที่ยวประเทศสหรัฐอเมริกา ผมถามว่าจะไปอย่างไรเมื่อเขาไม่มีรายได้ แต่เขาบอกว่าเพิ่งได้รับเงินก้อนใหญ่จากคุณป้าแท้ๆ มา เพราะคุณป้าถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่พอได้เงินจากคุณป้าปุ๊บ เขาก็วางแผนจะใช้เงินทำตามความฝันทันที โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ตอนนั้นผมไม่ได้พูดห้ามแต่ลองชวนให้เขาคิดดูอีกครั้ง

การไปเที่ยวสหรัฐอเมริกาจะทำให้เขารู้สึกพอใจได้จริงหรือเปล่า? เหมือนกับคนทั่วไปที่ “คิดว่า” ถ้าได้มีแบบนั้น ได้เป็นแบบนี้ แล้วจะมีความสุข เช่น มีบ้าน มีรถ มีเงินเยอะ ได้เที่ยวต่างประเทศ และคำถามที่ตามมาคือ แล้วเราเคยรู้ไหมว่าคนที่เขาอยู่บ้านหลังใหญ่ ขับรถดีดี ได้ท่องเที่ยวต่างประเทศจิตใจเขาสงบสุขเหมือนที่เห็นจริงๆ หรือเปล่า?

จากนั้นเขาเล่าเรื่องชีวิตคุณป้าหลังได้รับเงินรางวัลให้ผมฟังว่า ช่วงแรกคุณป้ากลัวคนในหมู่บ้านจะแห่กันมาขอเงิน จึงหลบไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดพักใหญ่ เขาเองที่เคยสนิทกับคุณป้า เคยเข้าไปกอดบ่อยๆ คุณป้าก็จะรู้สึกว่าหลานรัก แต่ตอนนี้กลับกลายคุณป้าเป็นคิดว่าหลานๆ จะมาประจบเพื่อขอเงิน

คุณป้าเริ่มนอนไม่หลับ เพราะคิดเรื่องเงิน และรู้สึกเชื่อใจใครไม่ได้แม้แต่ลูกๆ ที่เริ่มทะเลาะกันให้เห็นเพราะต่างคนต่างคิดว่า ต้องได้รับเงินจากคุณแม่เยอะๆ บางคนใช้เงินที่ได้ไปกับการพนัน บางคนรู้สึกว่าเงินที่แม่ให้ยังน้อยไปและมาพูดตัดพ้อต่อว่าก็มี

ในมุมมองคนอื่นก็คงจะรู้สึกว่าครอบครัวของคุณป้าน่าจะมีความสุข ดูน่าอิจฉา แต่ใครจะรู้ว่าภายในจิตใจของคุณป้านั้นเป็นอย่างไร

“ไม่ต้องถูกลอตเตอรี่ยังดีกว่า” นี่คือประโยคที่คุณป้าบ่นให้เขาได้ยิน จากตัวอย่างที่เล่ามาก็พอทำให้รู้ว่า การถูกลอตเตอรี่รางวัลใหญ่ไม่ได้ให้ความสุขอย่างที่ทุกคนวาดฝันไว้ แต่กลับนำพาความเครียดมาให้

เคยอ่านงานวิจัยชื่อ “โครงการศึกษาการพัฒนาในผู้ใหญ่ แห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด” (Harvard Study of Adult Development) ที่ทำเพื่อหาคำตอบว่าสุดท้ายแล้ว “อะไรคือสิ่งที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตที่ดี และมีสุขภาพแข็งแรง” งานชิ้นนี้เริ่มต้นในปี 1938 กับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 742 คน ใช้เวลาในการวิจัยยาวนานถึง 75 ปีและมีผู้เข้าร่วมที่เหลือรอดจนถึงวัย 90 ปี เพียง 60 คน

คุณโรเบิร์ต วาล์ดินเจอร์ ผู้อำนวยการวิจัยได้ข้อสรุปว่า สมัยที่กลุ่มตัวอย่างอายุยังน้อยพวกเขาเคยเชื่อว่าการมี “ความร่ำรวย” “ชื่อเสียง” หรือ “การทำงานหนัก” จะทำให้มีชีวิตที่ดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับพบว่าสิ่งเหล่านั้นมันไม่ใช่คำตอบเลย แต่มันคือการมี “ความสัมพันธ์ที่ดี” ระหว่างครอบครัว เพื่อนและสังคมของเขาต่างหาก และจิตใจที่โดดเดี่ยวถือเป็นอันตรายต่อคุณภาพชีวิต

ซึ่ง “ความสัมพันธ์ที่ดี” ในนั้นโรเบิร์ตบอกว่ามันไม่ใช่ขึ้นอยู่กับจำนวนเพื่อนที่มี หรือต้องมีความสัมพันธ์ราบรื่นดีไม่มีทะเลาะกัน แต่มันคือ การที่เรารู้ว่ายังมีคนที่เราสามารถพึ่งพาและเชื่อใจได้ในเวลาที่รู้สึกยากลำบาก

จากการให้คำปรึกษากับผู้คนมามากผมพบว่าจิตใจมนุษย์ได้ถูกออกแบบมาให้ไม่สามารถเติมเต็มได้ด้วยกิเลสตัณหา หรือวัตถุซึ่งสิ่งนี้หลายคนก็คงรู้ดีแต่ปัญหาคือ เราไม่เชื่อว่ามันทำให้มีความสุขไม่ได้จริงๆ และกำลังใช้ชีวิตแบบดิ้นรนเพื่อให้ได้มา

ไม่ใช่แค่กับคุณป้าที่ผมยกตัวอย่างเท่านั้น แต่เราทุกคนก็กลายเป็นคนที่สมปรารถนา แต่ไม่มีความสุขได้เหมือนกัน ถ้าเรายังปล่อยให้โลกหลอกเราว่า การมีสิ่งที่เราปรารถนาคือ ความสุข เพราะพอไปถึงจุดนั้นจริงๆ มันกลับไม่ใช่

แล้วตอนนี้คุณยังอยากถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 อยู่อีกหรือเปล่า? หลายคนคงคิดว่าฉันคงไม่เป็นแบบเขาหรอก แน่นอนครับว่าไม่มีใครเคยคิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่โชคร้าย แต่ถ้าเราไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เราเองก็อาจเป็นคนหนึ่งที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันก็ได้ครับ เพราะจิตใจลึกๆ ที่แท้จริงของมนุษย์มันมีสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขได้จริงๆ อยู่ครับ อยู่ที่ว่าเราจะเชื่อบทเรียนของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนเราหรือเปล่า?


ดร.(กิตติมศักดิ์) ฮักเชิล คิม
ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ ประจำประเทศไทย
[email protected]

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน