สภาพของคสช.ในเดือนมกราคม 2562 แตกต่างจากที่เคยเห็นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นอย่างสูง
ไม่เพียงแต่จะมองผ่านการชุมนุมที่ “ราชประสงค์”
ไม่เพียงแต่จะมองผ่านการชุมนุมที่ “เชียงใหม่”ที่ “ระยอง”และที่ “นครราชสีมา”
หากแต่ดูจากเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปีนขึ้นเอาตะปูตอกลงไปบนกระเบื้องลอนคู่ระหว่างเดินทางไปปลอบขวัญชาวบ้านที่นครศรีธรรมราช
หากแต่ดูจากเมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประสบเข้ากับ การปล่อยของในเรื่อง “ยุติธรรมป้อม ป้อม”
และบทบาทของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่เชียงราย
ใครก็ตามที่ได้เห็น “วีดิโอ คลิป” ที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เดินเทิ่งๆ ตรงไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คน ซึ่ง “นาย”ส่งมาให้สังเกตการณ์การเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย
ก็เกิด “คำถาม” ตามมามากมาย
ไม่ว่าฝ่ายตรงกันข้ามกับพรรคเพื่อไทย ฝ่ายตรงกันข้ามกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ไม่ว่าฝ่ายเดียวกับพรรคเพื่อไทย ฝ่ายเดียวกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ล้วนมีบทสรุป “ร่วม”
1 มีความเห็นอกเห็นใจต่อเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่ “นาย”บัญชาให้ออกทำงานในลักษณะสอดส่อง ติดตาม ซึ่งไม่เพียงแต่ต่อพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
หากพรรคอนาคตใหม่ประสบมาแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 ด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน 1 เริ่มมีคำถามตามมาว่า ภายหลังจากวันที่ 11 ธันวาคม ที่พรป.อันเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนตาม “รัฐธรรมนูญ”
มีความจำเป็นอะไรที่ “นาย”จะต้อง “สั่งการ”แบบนี้
เชื่อได้เลยว่านับแต่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เทคแอ็คชั่นในแบบ “หญิงห้าว”ที่เชียงราย
“ปฏิกิริยา” จะตามมา
ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายที่เห็นด้วยกับคำสั่งของ “นาย” ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของ “นาย”
แต่ที่แน่นอน “คสช.”จะกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก”