บทบรรณาธิการ : ต้องเสมอภาค

บทบรรณาธิการ – แม้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส..จะมีผลบังคับใช้แล้ว แต่พรรคการเมืองยังคงทำกิจกรรมได้อยู่ในวงจำกัด

เนื่องจากยังมีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติบางฉบับทับซ้อนอยู่ ทำให้นักการเมืองและพรรคการเมือง เคลื่อนไหวไม่ได้เต็มที่

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ ยังไม่สามารถกำหนดวันเลือกตั้งเฉพาะเจาะจง ชัดเจนได้ เนื่องจากยังไม่มีประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งส..ลงในราชกิจจานุเบกษา

รู้แต่เพียงว่าการเลือกตั้งน่าจะเลื่อนออกจากที่กำหนดไว้เดิม

หลังจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ..2560 ให้ประชาชนและพรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองได้ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2561 นั้น

ความคึกคักทางการเมือง ทั้งในส่วนของประชาชนและพรรคการเมืองต่างๆ มีอย่างเห็นได้ชัด เพราะสามารถจัดประชุมพรรค เลือกกรรมการบริหารพรรค ตลอดจนออกตระเวนหาสมาชิกพรรคได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

มีการเปิดตัวผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เปิดโฉมหน้าผู้สมัครส..ทั้งในระบบเขตเลือกตั้ง และระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งหลายพรรคมีความลงตัว พร้อมที่จะออกรณรงค์หาเสียงได้ทันที

บรรยากาศแห่งประชาธิปไตยกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา มีเหตุการณ์บางอย่างที่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจ และไม่สมควรเกิดขึ้น นั่นก็คือพรรคการเมืองบางพรรค ถูกติดตาม สอดส่องจากรัฐทุกฝีก้าวระหว่างตั้งเวทีปราศรัย ออกไปพบปะประชาชน

บางพรรคถูกขัดขวาง กีดกันและยกเลิก ไม่ให้ใช้สถานที่ราชการ และสถานที่สาธารณะ เช่น วัด โรงเรียน ตลอดจนสถาบันการศึกษาต่างๆ ในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง

ขณะเดียวกัน กลับมีบางพรรคที่ประกาศสนับสนุนรัฐบาล กลับได้รับความสะดวก และดูแลเป็นอย่างดี ทั้งจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสงบ และฝ่ายปกครอง ตลอดจนองค์การปกครองท้องถิ่นต่างๆ

การปิดกั้นอีกฝ่าย แต่เปิดโอกาสให้อีกฝ่าย จะกลายเป็นปัญหา และส่งผลลบต่อรัฐบาลอย่างแน่นอน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน