หากมองความเป็นจริงของการเมืองตามบทสรุปอันชาญฉลาดจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ว่า
“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”
การกำหนดให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่อยู่ในฐานะรัฐบาลรักษาการแม้ว่าจะมีพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเลือกตั้งประกาศและบังคับใช้
ถือได้ว่าเป็นความได้เปรียบอย่างยิ่งยวดสำหรับพรรคพลังประชารัฐ
เพราะในทางรัฐธรรมนูญ หัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค โฆษกพรรค ก็ยังสามารถเป็น “รัฐมนตรี”อยู่ได้
นโยบายของ “รัฐบาล”ก็เท่ากับเป็นของ “พลังประชารัฐ”
อย่าได้แปลกใจหากจะเกิดกรณีผู้ว่าราชการบางจังหวัดไปช่วยคนของพรรคพลังประชารัฐหาเสียง
อย่าได้แปลกใจหากบรรดา “อปท.”ก็เช่นเดียวกัน
การที่หัวหน้าคสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ยกเลิกการลงโทษต่อบางนายก อบจ. อบต. จึงเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างอึกทึกครึกโครม
ไม่ว่าที่กำแพงเพชร ไม่ว่าที่สกลนคร
คำถามที่เสนอเข้ามาก็คือ มาตรการอันสร้างความได้เปรียบ ให้กับพรรคพลังประชารัฐเช่นนี้พรรคการเมืองอื่นรับรู้หรือไม่และมีท่าทีอย่างไร
คำตอบสัมผัสได้จากปฏิกิริยาของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ
สรุปตามสำนวน ชาย เมืองสิงห์ ก็ต้อง “ชาวบ้านรู้กันทั่ว”
การที่ชาวบ้านเขารับรู้โดยตรงเมื่อประสานเข้ากับบทสรุปอัน ชาญฉลาดจากภายในพรรคพลังประชารัฐที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”
คิดหรือว่าชาวบ้านเขามองพรรคพลังประชารัฐอย่างไร
ความรู้สึกของ “ชาวบ้าน” นี้แหละมีความสำคัญและทรงความหมายเป็นอย่างสูง
ทาง 1 อาจกลัว ขณะเดียวกัน ทาง 1 อาจไม่กลัว
หากกลัว ชัยชนะก็เป็นของพรรคพลังประชารัฐ หากไม่กลัวที่คิดว่าจะได้ชัยชนะก็อาจไม่เป็นไปตามนั้น
24 มีนาคม จึงเป็นคำตอบสุดท้ายทางการเมือง