เพื่อให้ได้มาซึ่ง ‘ศักดิ์ศรี’ จึงยอมแลกชีวิต กับเงินแค่ 300 บาท

“ไอ้เลวนี่ แกเป็นใคร!!! ออกไปเดี๋ยวนี้!!!” เขาใช้คำหยาบคายด่าผมต่างๆ นาๆ
“ต่อให้คุณให้ผมอยู่ที่นี่ผมก็อยู่ไม่ได้ หนอนก็อยู่ตรงนี้ เหม็นก็เหม็น อยู่ตรงนี้ผมก็อึดอัด ไม่ต้องไล่ผม ผมก็ไป”
“เออ ไปให้พ้น!!! ออกไป!!! แล้วไม่ต้องกลับมาอีก!!!”

ร่างกายผันด้วยผ้าพันแผลตั้งแต่หัวจรดเท้า เหลือไว้เพียงส่วน ตา จมูก ปาก และมือ หนอนยั้วเยี้ยค่อยๆ ไต่ออกมา ส่งกลิ่นเหม็นเช่นซากศพ เมื่อมองไปที่พื้น ก็เห็นหนอนอีกหลายตัวกำลังคลานอยู่ ร่างกายของเขาเน่าไปเกือบหมดแล้ว

ผมไม่ได้มาแต่งนิยายให้ทุกท่านอ่านกันนะครับ ภาพที่ผมอธิบายไปเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อผมอยู่ที่ประเทศเกาหลี เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว มีคนติดต่อมาให้ไปพบกับชายคนนี้ซึ่งกำลังจะตายในอีกไม่กี่วัน ด้วยพิษไฟคลอก เมื่อผมเห็นสภาพตรงหน้า จึงถามถึงสาเหตุจากภรรยาของเขา …

ออกจากกรอบ

ภรรยาเล่าว่า วันหนึ่งสามีไปกินเลี้ยงหลังเลิกงาน เนื่องจากเมามากจึงตัดสินใจเรียกแท็กซี่กลับบ้านและจ่ายค่ารถไว้ก่อนเพื่อกันลืม เมื่อถึงจุดหมายคนขับก็ทวงค่ารถประมาณ 3oo บาทอีกครั้ง เขาเริ่มไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกโกง ทั้งสองเริ่มทะเลาะกัน ฝ่ายหนึ่งบอกจ่ายไปแล้ว แต่อีกฝ่ายบอกว่ายังไม่ได้รับ สุดท้ายคืนนั้นก็จบลงที่สถานีตำรวจ

ฝ่ายสามีที่กำลังเมาอยู่ก็ยืนกรานว่าจะไม่จ่าย ฝ่ายแท็กซี่ก็ไม่ลดละ เมื่อเห็นทีท่าว่าไม่จบง่ายๆ ตำรวจจึงตัดสินใจให้คนขับกลับบ้านไปก่อน ส่วนฝ่ายสามีให้นอนโรงพัก 1 คืน ระหว่างรอสร่างเมา หวังว่าสถานการณ์วันพรุ่งนี้จะดีขึ้น

เช้าวันรุ่งขึ้น สามีได้รับการปล่อยตัว สติของเขากลับมาเป็นปกติ แต่ความโกรธของเขาไม่เลือนหาย เขาแค้นตำรวจทุกนายที่อยู่ที่นั่น เพราะเพิกเฉยกับสิ่งที่เขาพูด

ระหว่างทางกลับบ้าน เขาผ่านปั๊มน้ำมัน

“หากฉันเอาน้ำมันราดตัวเองเพื่อพิสูจน์ความถูกต้องให้เห็น พวกเขาต้องเชื่อฉันแน่ๆ ฉันจะแสดงให้เห็น แล้วพวกนั้นจะต้องเสียใจ”
เขากลับไป สน. ตะโกนด่าพร้อมสั่งให้ตำรวจยศใหญ่ที่สุดใน ออกมาขอโทษ ขู่ว่าถ้าไม่ออกมาจะจุดไฟเผาตัวเอง … แต่กลับไม่มีใครเชื่อ และทันใดนั้นเอง …

พรึบ!!!!

ไฟลุกโชนทั่วร่าง เป็นเวลานานหลายนาทีกว่ารถพยาบาลจะมาถึง ทำให้ร่างของเขาถูกเผาไปมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่า 40 วัน ก่อนที่หมอจะยอมแพ้ ขอให้กลับบ้านเพื่อรอความตาย

“เวลาของคุณเหลือเวลาอีกประมาณ 10 วันนะครับ”

ตอนผมไปเยี่ยมชายคนนี้เขาพักอยู่ที่บ้านเกิน 10 วันแล้ว สภาพของเขาเหมือนเป็นคนที่กำลังจะตาย ส่งกลิ่นเหม็นเน่า ผ้าผันแผลเต็มไปด้วยน้ำเหลือง หนอนก็ไต่ออกมา ผมเห็นเขาก็รู้สึกสงสารมาก

แต่เมื่อพูดคุยกัน จิตของเขากลับเต็มไปด้วย “ความเกลียดชัง” เขาพูดกับผมว่า “ไอ้พวกตำรวจพวกนั้น ก่อนตายฉันจะต้องเห็นมันเข้าคุก” “ฉันเป็นคนที่ถูกต้อง”

เมื่อความถูกต้อง (ของตัวเอง) บังตา ทำให้เชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้องและสมควรที่สุดในพิสูจน์ความบริสุทธิ์นี้ จึงทำให้ความเป็นเหตุเป็นผลที่เคยมีใช้การไม่ได้ สิ่งที่ตามมาคือ จะไม่คิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เพิกเฉยและไม่คิดถึงคนใกล้ตัวที่จะได้รับผลกระทบจากการกระทำนั้นๆ ยิ่งคิดถึงความถูกต้องของตัวเองมากเท่าไหร่ ความแค้นก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น คนรอบข้างจึงเลือนราง

ในตอนนั้นเองผมหันซ้ายหันขวา ก็เห็นทั้งใบหน้าเปื้อนความเศร้าโศกเสียใจของภรรยา เห็นเด็กน้อยอายุราว 4 ขวบยืนอยู่ข้างๆ ผมจึงตัดสินใจพูดถึงสิ่งที่ท้ายที่สุดมันทำให้ผมถูกไล่ออกจากบ้าน

“ผมเชื่อว่าคุณจ่ายเงินไปแล้ว 300 บาท ถ้าไม่จ่ายคุณคงไม่เผาตัวเองแบบนี้ แต่มันจำเป็นขนาดนั้นหรือครับ มีคนกล่าวหาว่าคุณไม่ได้จ่ายค่าแท็กซี่ แล้วถึงกับต้องเผาตัวเอง เงิน 300 บาท บางครั้งเราก็ใช้มันไปกับเรื่องไร้สาระง่ายๆ ไปดื่มเหล้า แทงบอล เล่นพนัน ทำอย่างอื่นก็เสียไปแล้ว 300 บาท หรือบางทีอาจจะโดนขโมยหายไปเฉยๆ ก็ได้ ตอนนี้คุณเป็นคนที่

แลกชีวิตตัวเอง กับเงินเพียง 300 บาท
แลกชีวิตตัวเอง กับศักดิ์ศรีและความถูกต้อง
แลกชีวิตตัวเอง กับความสุขของครอบครัว
แลกชีวิตของคุณ กับสิ่งเหล่านี้ มันทำให้ชีวิตกลายเป็นสิ่ง “ไร้ค่า” ไปเลย

ไม่ว่าสถานการณ์แบบไหนคนเรามักจะคิดว่าตนเองเป็นฝ่าย “ถูก” เสมอ ไม่มีใครชอบอยู่ในตำแหน่ง “คนผิด” แต่พวกเราคือ มนุษย์ซึ่งไม่มีความสมบูรณ์แบบในตัว สามารถผิดได้ พลาดได้เสมอ ลองคิดกลับกันว่า เราเองก็เป็นคนที่ผิดได้เช่นเดียวกัน อาจจะไม่ได้ทำผิดกับคนขับรถอย่างชายคนนี้ แต่อาจกำลังทำผิดกับครอบครัวหรือคนรอบข้างอยู่ก็เป็นได้

แล้วมันจะคุ้มกว่าไหม หากเราโยน “ศักดิ์ศรีและความถูกต้อง” ทิ้ง กลายเป็น “คนผิด” บ้างเพื่อปกป้องสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสำคัญกว่า? และเริ่มรับฟังคนอื่น จากนั้นลองไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนในหลายหลายแง่มุม บางครั้งการ “ทิ้งศักดิ์ศรีของตนเอง” และยอมรับว่า “ผิด” บ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายเลยครับ

คนที่มีจิตใจว่า “ฉันสามารถผิดได้” จะใช้ชีวิตที่มีความสุขได้ครับ


ดร.(กิตติมศักดิ์) ฮักเชิล คิม
ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ ประจำประเทศไทย
[email protected]

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน