หาเสียงหรือไม่
บทบรรณาธิการ
หาเสียงหรือไม่ – ด้วยความที่รัฐบาลชุดปัจจุบันยังมีอำนาจเต็มในการบริหารราชการ แม้ว่าจะมีประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งออกมาแล้ว
การทำงานต่างๆ จึงเป็นไปได้ตามปกติ ท่ามกลางคำถามเกี่ยวกับรัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกพรรค การเมือง ซึ่งต้องเริ่มหาเสียงแล้ว ไปจนถึงนายกรัฐมนตรีที่มีชื่อปรากฏตามข่าว ว่าอาจจะมีรายชื่อติดอยู่ในโผผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ว่าควรจะยังอยู่ในตำแหน่งบริหารนานเท่าใด
เนื่องจากการทำงานและการหาเสียงอาจ ทับซ้อนอยู่ในการใช้งบประมาณและเครื่องไม้เครื่องมือของรัฐ อันเป็นส่วนที่ได้เปรียบ ทั้งด้านโอกาส ความสะดวกสบาย
ด้วยกลไกนี้จึงก่อให้เกิดข้อกังขาในการแข่งขันที่ต้องยุติธรรม
ระหว่างที่ฝ่ายตั้งคำถามยังไม่ได้คำตอบหรือการตัดสินใจที่ชัดเจน รัฐบาลเริ่มมีความเคลื่อนไหวที่เกิดคำถามอีก
เริ่มจากการปรับรูปแบบรายการที่ผู้นำพบประชาชนขึ้นใหม่เป็นครั้งแรก เพื่อนำจุดแข็งของรัฐบาลในการทำงานด้านต่างๆ มานำเสนอผ่าน วีดิทัศน์ ด้วยความกระชับและสั้นลง ไม่เกิน 25 นาที
รัฐบาลระบุว่าเพื่อชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงความคืบหน้าการดำเนินการว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง รวมถึงภายในอนาคตจะทำอะไรบ้าง
สอดคล้องกับการแจกจ่ายผลงานรัฐบาลปีที่ 4 ระหว่างวันที่ 12 ก.ย. 2560-12 ก.ย. 2561 ความหนา จำนวน 421 หน้า
ให้รายละเอียดถึงผลการดำเนินงาน 6 ด้าน ทั้งการสร้างความปรองดองสมาน ฉันท์ ความมั่นคง สังคม เศรษฐกิจ การต่างประเทศ และด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
ความสอดคล้องกันของสื่อทีวีและสิ่งพิมพ์ในเรื่องผลงานรัฐบาล ยังสอดรับกับหมายการเดินทางตรวจราชการของรัฐบาลและผู้นำ
เช่น วันที่ 28 ม.ค.นี้ จะมีครม.สัญจรไปจังหวัดสระบุรี เพื่อเยี่ยมสวนพฤกษศาสตร์พุแค ต.พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ อีกทั้งยังมีกิจกรรมมอบที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ให้แก่เกษตรกร จำนวน 10 ราย
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้กำลังเกิดคำถามว่าการทำงานของรัฐกับการหาเสียงของพรรคการเมืองที่สนับสนุนรัฐบาลทับซ้อนกันหรือไม่
คำตอบนั้นสำคัญ เพราะรายละเอียดเหล่านี้จะค่อยๆ มีส่วนในการตัดสินว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ยุติธรรมเพียงพอที่จะได้รับการยอมรับจากนานาประเทศหรือไม่