คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

ถือฤกษ์วันวาเลนไทน์ที่เป็นวันแห่งความรัก คณะทำงานเกี่ยวกับการปรองดองจะเริ่มพูดคุยถึงแนวทางการปรองดองในส่วนของนักการเมือง

หลังจากตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะ เพื่อรับฟังความคิดเห็น, พิจารณาบูรณาการข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ, จัดทำข้อเสนอกระบวนการ และประชาสัมพันธ์ โดยมีผู้นำทางกองทัพเป็นประธานทุกคณะ

ดังนั้นวันแห่งความรักในปีนี้ ถือว่าหน่วยงานรัฐมีกิจกรรมเด่นที่นอกเหนือไปจากการรณรงค์ไม่ให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่พร้อมในทุกๆ ปี แม้ไม่มีการประเมินผลที่แน่ชัดว่าการรณรงค์ ดังกล่าวจะช่วยบรรเทาปัญหาสังคมเรื่องนี้ได้มากน้อยเพียงใด

ขณะที่เรื่องการเจรจาปรองดองนั้น น่าจะต้องมีการประเมินผลที่แน่ชัด

การพูดคุยเจรจานั้นย่อมจะเป็นผลดีต่อการสร้างความเข้าใจกัน หากอยู่บนพื้นฐานที่ผู้เจรจามีความเท่าเทียมกัน

เท่าเทียมทั้งในด้านการแสดงความคิดเห็น การนำเสนอข้อแนะนำ ข้อติติง รวมถึงมีส่วนในการเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบวิธีที่จะนำมาปฏิบัติ

กรณีนี้หากความเห็นไม่ตรงกัน แนวทางที่ เด่นชัดน่าจะเป็นการยึดถือความเห็นส่วนใหญ่ของกลุ่มที่มีส่วนร่วมในการเจรจา

แต่หากผู้จัดการเจรจามีกรอบที่วางไว้แล้ว และยืนยันจะเดินหน้าไปตามกรอบดังกล่าวด้วยเห็นว่าจะเป็นความสำเร็จ

อาจเป็นแนวทางที่ไม่ได้ดูปรองดองอย่างชัดเจนและจะประเมินผลการเจรจาได้ยาก

แนวทางปรองดองที่คณะกรรมการผู้เกี่ยวข้องพยายามผลักดัน โดยเชิญตัวแทนพรรค การเมือง เรียงตามตัวอักษร มาให้ความเห็น ที่กระทรวงกลาโหม กำหนดหัวข้อไว้ 10+1 ประเด็น อาทิ ด้านการเมือง ด้านความเหลื่อมล้ำ ด้านปฏิรูป ฯลฯ

เรื่องทั้งหมดนี้เป็นที่ถกเถียงกันในสังคม มามาก เหมือนประเด็นที่กลัววัยรุ่นทำอะไรไม่ควรในวันวาเลนไทน์

ทั้งที่รู้ทางออกอยู่แล้วว่าหากครอบครัวมีเวลาใส่ใจให้ความรักบุตรหลาน ความเสี่ยงนั้นย่อมลดน้อยลงไปเอง

คำถามของทั้งสองเรื่องในวันวาเลนไทน์ จึงอยู่ที่ว่า เราจะมากำหนดกรอบขึ้นมาลอยๆ ทั้งที่มีส่วนแก้ไขปัญหาได้น้อยมากเพื่ออะไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน