FootNote : อาการ สะดุด ทางการเมือง ของ ท่านประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่ว่าภายใน 4 ยอดกุมารแห่งพรรคพลังประชารัฐจะออกมาสดุดี วลีที่ว่า “มรึงมาไล่ดูสิ” ด้วยกัปปิยโวหารอย่างไร
แต่ก็ต้องยอมรับว่าคำพูดอันไพเราะเพราะพริ้งนี้ปรากฏขึ้นอย่างไร
1 ในระหว่างการแถลง “ผลงาน” ของรัฐบาลที่ทำมาเป็นเวลา 4 ปีหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
1 ในวันเดียวกันกับที่มีหมายกำหนดเปิดห้องม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อรับเทียบเชิญให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ
การปรากฏวลีอันสุดแสนไพเราะเพราะพริ้งว่า “มรึงมาไล่ดูสิ”
จึงเป็นเนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลยิ่ง เป็นของกำนัลที่มอบให้กับพรรคพลังประชารัฐอย่างเหมาะเจาะงดงาม
มั่นใจได้เลยว่าจะเป็นเหมือน “กระดานหก”อันสำคัญ
คำถามที่พรรคพลังประชารัฐจักต้องนำมาขบคิดพิจารณาอย่างถ่องถ้วน สมบูรณ์ก็คือ วลีอันไพเราะเพราะพริ้งนี้เป็นเป็นผลดีหรือว่าเป็นผลเสีย
หากฟังจากบทสรุปของแกนนำภายในพรรคพลังประชารัฐล้วนเห็นว่าเปี่ยมด้วยเหตุผล
จึงน่าจะเป็นผลดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จึงน่าจะเป็นผลดีให้พรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนและความนิยมเป็นอย่างสูง
แต่ที่พรรคพลังประชารัฐมองข้ามไปโดยเจตนาก็คือ อย่าลืมอย่างเด็ดขาดว่า หลังจากพูดในตอนเช้า ตอนเย็นวันเดียวกันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ออกมา
“ขอโทษ” ต่อ “ประชาชน”
เท่ากับยืนยันว่า ท่วงทำนองและการแสดงออกในตอนเช้าของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความไม่เหมาะสมต่อกาละและต่อเทศะดำรงอยู่
เพราะหากเป็นเรื่องดีก็คงไม่ต้องออกมา “ขอโทษ”
ถ้านับเนื่องว่าเหตุการณ์ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นบทสุดท้ายของรัฐบาลที่ทำงานมากว่า 4 ปี และเป็นจุดเริ่มต้นต่อการตัดสินใจในทางการเมือง
ก็ต้องยอมรับว่าวลีไพเราะเพราะพริ้งที่ว่า “มรึงมาไล่ดูสิ”เท่ากับเป็นอาการสะดุดอย่างน่าเป็นห่วง
น่าเป็นห่วงว่าอาจสะดุดไปถึง “วันเลือกตั้ง”
น่าเป็นห่วงว่าอาจสะดุดถึงเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี”
เกาะติดข่าวการเมืองข่าวเลือกตั้ง แค่กดเป็นเพื่อนกับไลน์@ข่าวสด ที่นี่
__________________________________________