การเคลื่อนไหวของ นายสมพร เทพสิทธา ในอันที่จะรื้อฟื้นเรื่องปาราชิกของ พระเทพญาณมหามุนี ขึ้นมา

ดำเนินไปในกระบวนท่า “ตีเหล็กกำลังร้อน”
ไม่เพียงแต่จะประสานเข้ากับ “ข้อมูล” อันมาจาก นพ.มโน เลาหวณิช ที่ระบุว่า
“มวลชน” ที่เข้าร่วม “ธรรมกาย”ลดน้อยลง
โดยวัดจาก “ภาพ” ที่ปรากฏออกมาเนื่องใน “วันมาฆบูชา”ว่าไม่น่าจะมากกว่า 1.5 หมื่น
ทั้งๆที่ทุกปีจะมีไม่ต่ำกว่า “แสน”
หากแต่ยังอิงอยู่กับการประชุมร่วม”คณะพนักงานสอบสวน”ล่าสุดในเรื่องการรุกคืบไปยังอาคารและการก่อสร้างของ “มูลนิธิธรรมกาย”
โดยมี”ผู้เชี่ยวชาญ”ด้านวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศและแผนที่อยู่ด้วย
นับว่า “สภาพการณ์” และ “สถานการณ์” เป็นใจ
นายสมพร เทพสิทธา จึงขับเคลื่อนฟื้นกรณี”สถานะ”ของ พระเทพญญาณมหามุนี ขึ้นมาอีกครั้ง
“ปาราชิก” หรือไม่

นายสมพร เทพสิทธา เป็นผู้มี “เครดิต” สูงยิ่งในแวดวงของพุทธศาสนา
ไม่เพียงเป็น “นักสังคมสงเคราะห์”
หากยังมีบทบาทอยู่ใน “ยุวพุทธิกสมาคม” ตั้งแต่ยุค นายสุชีพ ปุญญานุภาพ และ นายบุญยง ว่องวานิช ตลอดจน นายเสถียร โพธิ นันทะ
การเดินหน้าในเรื่อง “สถานภาพ” แห่ง พระเทพญาณมหามุนี จึงทรงความหมายเป็นอย่างสูง
เมื่อคำนึงถึงจำนวนเกือบ 200 คดีทาง”โลก”
การผลักดันเรื่อง “สถานภาพ” ในความเป็น “พระ” ของ พระเทพญาณมหามุนี เข้าไปอีก
อาจเป็น”ฟาง”เส้นสุดท้ายของ “ธัมมชโย”

ประเด็นอยู่ที่ว่า กรณีอันเกี่ยวกับ “สถานภาพ” ของพระเทพญาณ มหามุนี มิได้เป็นเรื่องใหม่
ตรงกันข้าม เป็น “เรื่องเก่า”
ปมเงื่อนอยู่ตรงที่ในที่ประชุม “มหาเถรสมาคม” เคยมีการพิจารณาเรื่องนี้และมี “บทสรุป” แล้ว
เป็นบทสรุปว่า ไม่มีความผิด
อันส่งผลให้ไม่ว่าความเป็น “พระ” ไม่ว่าความเป็น “เจ้าอาวาส” ยังดำรงคงอยู่ครบถ้วน
กระทั่งได้เลื่อนมาเป็น พระเทพญาณมหามุนี
คำถามอยู่ที่ว่า “มหาเถรสมาคม” สามารถรื้อฟื้นคดี”เก่า”ขึ้นมาพิจารณา”ใหม่”หรือไม่
หากมิได้มี “ข้อมูล” ใหม่ เพิ่มเติม
เส้นทางการเรียกร้องของ นายสมพร เทพสิทธา จากสนช.ไปยังมหาเถรสมาคมจึงอาจจะมีปัญหาและอาจกลายเป็น “เผือกร้อน”ขึ้นมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน