ชะตาฮาคีม : บทบรรณาธิการ
บทบรรณาธิการ : ชะตาฮาคีมคดีอัยการสำนักงานต่างประเทศยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอส่งตัวนายฮาคีม อัล อาไรบี นักฟุตบอลชาวบาห์เรนเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปให้บาห์เรน เป็นเรื่องยากสำหรับประเทศไทย
ยากกว่าการรับมือกับกรณี น.ส.ราฮัฟ โมฮัมเหม็ด เอ็ม อัลคูนัน อายุ 18 ปี ชาวซาอุดีอาระเบีย เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมปีนี้
น.ส.ราฮัฟถูกกักที่สนามบินสุวรรณภูมิเพราะเข้าเมืองมาโดยไม่มีวีซ่า ต่อมาได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากยูเอ็นเอชซีอาร์ และแคนาดารับไปเป็นพลเมือง เรื่องลงเอยด้วยดีภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์
ส่วนนายฮาคีมเดินทางจากออสเตรเลียมาเที่ยวไทยพร้อมกับภรรยาและถูกควบคุมตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 แต่ถึงขณะนี้ยังต้องดิ้นรนขออิสรภาพกลับออสเตรเลีย
อัยการยืนยันว่าการยื่นขอเป็นผู้ร้ายข้ามแดนของบาห์เรนครบหลักเกณฑ์ ในฐานะผู้ที่ถูกถูกตัดสินจำคุก 10 ปี ข้อหาทำลายทรัพย์สินของราชการในเหตุโจมตีสถานีตำรวจ
แต่องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนให้ข้อมูลอีกด้านว่า นายฮาคีมถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน จากการวิจารณ์พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบาห์เรนซ้อมทรมานนักฟุตบอลซึ่งเข้าร่วมการประท้วงในช่วงอาหรับสปริงที่เริ่มโหมขึ้นในปี 2554
ด้านนายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ส่งหนังสือถึงผู้นำไทยเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายฮาคีม พร้อมระบุว่า นายฮาคีมมีวีซ่าคุ้มครองถาวรที่ออกให้โดยรัฐบาลออสเตรเลีย
กระบวนการนี้หมายถึงการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วเท่านั้น
แม้ว่ากระบวนการทางศาลย่อมดำเนินและยึดหลักกฎหมาย แต่อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศระบุว่า สุดท้ายแล้วฝ่ายบริหารมีอำนาจที่จะไม่ส่งจำเลยไปยังประเทศที่ร้องขอไว้ได้ เพราะเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามเเดนมีประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอยู่ด้วย
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าองค์กรสิทธิมนุษยชน องค์กรด้านกีฬาระหว่างประเทศ ญาติ และรัฐบาลออสเตรเลียส่งหนังสือถึงผู้นำรัฐบาลไทยเพื่อขอความเมตตาให้นายฮาคีม พร้อมกับการรณรงค์ติดแฮชแท็ก #SaveHakeem เหมือนเมื่อครั้งมีกระแส #SaveRahaf
นี่จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตัดสินใจ ให้ดี
อ่านข่าว