จังหวะก้าวว่าด้วย “พระลิขิต” ที่ นายสมพร เทพสิทธา สนช.รื้อฟื้นเสมอเป็นเพียง “ม่านควัน”
ของจริงอยู่ที่ ตชด.ภาค 1
ไม่ว่าจะเป็นกำลังจาก บช.ภาค 1 ไม่ว่าจะเป็นกำลังจาก บช.ภาค 7 ไม่ว่าจะเป็นกำลังจาก บก.อคฝ. บช.น.
ล้วนมุ่งไปยัง คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ขณะเดียวกัน กำลังจากกองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน กำลังจากกองพลทหารราบที่ 2 มหาดเล็กรักษาพระองค์ กำลังจากกองพลทหารราบที่ 9
พร้อมอย่างเต็มเปี่ยมที่จะปฏิบัติตาม”มาตรา 44″ในพื้นที่”เขตควบคุมพิเศษ”
นี่เป็นเรื่อง “การทหาร” มิใช่ “การเมือง”
เมื่อเรื่องตกไปถึงมือของ “หัวหน้าคสช.” นั่นหมายความว่าพ้นจากมือของ “นายกรัฐมนตรี”ไปแล้ว
ทั้งหมดเป็น”บทเรียน”จากเมื่อปี”2559”
หากย้อนกลับไปศึกษา “ปฏิบัติการ”เมื่อเดือนมิถุนายน กับเมื่อเดือนธันวาคม 2559 ก็จะมองเห็นเงื่อนงำ
เงื่อนงำอันสะท้อน “ความพยายาม”
เพราะว่าทุกอย่างอยู่ในความรับผิดชอบของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
1 การใช้กลไก “มหาเถรสมาคม” โดยการประสานจาก “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” หรือ “พศ.”
ทั้งผ่าน “การเจรจา” ทั้งโดยให้”พระ”เดินนำหน้า
ขณะเดียวกัน 1 ก็ใช้ “ดีเอสไอ”เป็นเจ้าของเรื่องประสานขอกำลังจาก”ตำรวจ”
น้ำหนักอยู่ที่ “กำลังพล”ของ”บช.ภาค 1″เป็นหลัก
เจ้าหน้าที่ “ทหาร” มีอยู่ แต่ก็เป็นเพียง “องค์ประกอบ” มิได้อยู่ในฐานะ “ปฏิบัติการ”
แต่คราวใหม่ถอดรื้อ”บทเรียน”อย่างสิ้นเชิง
ไม่มีข่าวจาก 1 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) และ 1 ไม่มีข่าวจากมหาเถรสมาคม(มส.)
ทุกอย่างเป็นเรื่องของ “อาณาจักร” ทั้งอาณาจักรที่ว่ามิได้จำกัดเฉพาะ “ดีเอสไอ” กับ “ตำรวจ” หากแต่ขยายกรอบไปยัง “ทหาร”
“สนธิ” กำลังอย่างเข้มแข็ง รูปธรรมอันเด่นชัดเป็นอย่างมากก็คือ เป็นการขับเคลื่อนไปภายใต้ร่มธงแห่ง “มาตรา 44”
กระหึ่มด้วยเพลงมาร์ช “เดอะ ลองเกสต์ เดย์”
เริ่มต้นจาก 00.01 ของวันที่ 16 และมาดหมายว่าจะสามารถปิดเกมได้ภายในวันที่ 17 กุมภาพันธ์
ไม่มีการร้องท้าที่หน้าค่ายเหมือนเมื่อ 2 คราวก่อนไม่ว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ไม่ว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง ระมัดปากระวังคำอย่างยิ่ง
เป้าหมายอยู่ที่ปฏิบัติตาม”หมายจับ”