ไทยถูกจับตา

สนามเลือกตั้ง 24 มีนาคม ได้เกิดปรากฏการณ์ที่สร้างความเกรียวกราวในหลายประการ เรียกความสนใจของประชาชนได้มากมาย

พร้อมทั้งยังเป็นที่สนใจในระดับโลกด้วย มีการจับตาของนานาประเทศ ทำให้ข่าวการเลือกตั้งในไทยเป็นข่าวใหญ่อยู่บ่อยครั้ง

แสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตยครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญว่าประเทศไทยจะเดินหน้าไปทิศทางใด หลังจากเกิดความขัดแย้งอย่างแตกร้าวมากว่า 15-20 ปี

สื่อมวลชนใหญ่ของโลกต่างมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างกลุ่มอำนาจหรือนิยมอำนาจทางทหารกับฝ่ายประชาธิปไตย

ระหว่างการสืบทอดอำนาจกับการเริ่มต้นฟื้นฟูใหม่

นอกเหนือจากมุมมองของสื่อมวลชนต่างประเทศดังกล่าว การจัดการเลือกตั้ง ครั้งนี้จะเปิดให้มีการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมหรือไม่ เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกัน

เพราะกรณีนี้จะเป็นสิ่งที่รัฐบาลนานาประเทศจะตัดสินประเทศไทยได้ชัดเจนว่าควรต้องคบหาต่อกันระดับใดในอนาคต

ดังจะเห็นได้ว่าประเทศที่จัดการเลือกตั้งแล้วมีปัญหาไม่เสรีและไม่เป็นธรรม ไม่เพียงจะทำให้การเลือกตั้งเสียของ ยังจะก่อปัญหายุ่งยากในภายหลัง

เพราะจะกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ถูกปฏิเสธ หรือเป็นอุปสรรคในการคบค้าสมาคมต่อกัน

ช่วงเวลาของการรณรงค์หาเสียงเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่จะทำให้ประเทศไทยถูกตัดสินได้ว่ามีการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมมากน้อยอย่างไร

นอกจากการนำเสนอนโยบายของพรรค การวิพากษ์วิจารณ์คู่แข่งแล้ว ตัวแคนดิเดต นายกรัฐมนตรีทุกคนก็สมควรต้องถูกอภิปรายหรือโต้แย้งได้ เพราะอยู่ภายใต้กติกาเดียวกัน

คำถามสำคัญที่ยังรอคำตอบคือ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ที่ยอมรับคำเชิญเป็นแคนดิเดตด้วยนั้นควรอยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่ เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจในการแต่งตั้งวุฒิสมาชิก

ขณะที่วุฒิสมาชิกที่กำลังจะมีขึ้นนี้จะมีอำนาจร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรี

หากไม่ทิ้งอำนาจนี้เพื่อลงมาแข่งขันอย่างเท่าเทียมแล้ว ย่อมเกิดข้อครหาอันกระทบต่อภาพรวมของประชาธิปไตย ซึ่งไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน