จังหวะก้าวของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ แสดงความข้องใจต่อคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะรายชื่อเดียวที่พรรคพลังประชารัฐเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี
เป็นจังหวะก้าวอันเด่นชัดยิ่งว่าต้องการ “ลองของ”
แต่การลองของของ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ก็มิได้ปฏิบัติในแบบคึกคะนอง ตรงกันข้าม มีฐานทางกฎหมาย มีฐานทางด้านระเบียบการรองรับอย่างแน่นหนา
แน่นหนาอันชี้ให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจขาดคุณสมบัติ
1 รัฐธรรมนูญ และ 1 ข้อกำหนดของกกต.
นี่เป็นเรื่องที่คณะกรรมการกกต.ต้องพิจารณาและต้องพิจารณาอย่างเร่งด่วนก่อนเข้าข่าย”ละเว้น”การปฏิบัติหน้าที่
ปมเงื่อนประการแรกที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ตั้งข้อสังเกตคือการเสนอชื่อเป็นไปตามแบบ ส.ส.4/29 และแบบส.ส.4/30 หรือไม่
นั่นก็คือ การยินยอมจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นั่นก็คือ เป็นการยินยอมทั้งก่อนและภายหลังมีมติจากคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
ประเด็นอยู่ที่การตัดสินใจในวันที่ 8 กุมภาพันธ์
ปมเงื่อนประการต่อมาอยู่ที่สถานะการเป็นหัวหน้าคสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
คำถามก็คือ เป็น “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” หรือไม่
เพราะจากการเปิดเผยของ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 5/2543 ระบุเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐข้อหนึ่งคือ มีเงินเดือน ค่าตอบแทน ค่าจ้าง
ขณะที่ตำแหน่งหัวหน้าคสช.ได้รับเงินตอบแทนเดือนละ 125,590 บาท
นี่คือปม นี่คือ ประเด็นอันเกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กกต.จะต้องตรวจสอบ
หากมองว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อยู่ในคณะทำงานกฎหมาย ของพรรคไทยรักษาชาติ การเคลื่อนไหวนี้อาจเข้าข่ายเอาคืนจาก พรรคไทยรักษาชาติ
เน้นไปยังตำแหน่ง”หัวหน้าคสช.”ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเป็นด้านหลัก
นี่ย่อมเป็นอีก”หนามไหน่”ที่วางอยู่ตลอด 2 รายทาง
สร้างความหงุดหงิดให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา