ปรากฏการณ์ “พ่อฮะ พ่อฮะ เรา 2 คนถูกเขาหลอกต้มจนเปื่อย”กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง

เพราะมีรากฐานมาจาก นางภักดิพร สุจริตกุล

แม้จะเป็นการบรรยาย”ภาพ”ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว แต่เมื่อเป็นภาพของ ด.ช.สุรบถ อยู่เรียงเคียงกับเงาร่างของ นายชวน หลีกภัย

ย่อมมากด้วยความละเอียดอ่อน

ละเอียดอ่อนเพราะว่าทั้ง นายชวน หลีกภัย และ นายสุรบถ หลีกภัย ล้วนดำรงอยู่ในสถานะแห่งผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อในพรรคการเมืองบางพรรค

การโพสต์ภาพและข้อความอย่างนี้ย่อมส่งผลสะเทือนกว้างขวางอย่างแน่นอน

เมื่อเป็นการโพสต์ของ นางภักดิพร สุจริตกุล ย่อมมีกลิ่นอายความ เป็น “ส่วนตัว”ค่อนข้างสูง

เท่ากับเป็นเงาสะท้อนจากเสียงของ “ลูก”

เพราะข้อความแรก คือ “ลูกว่าเรา 2 คนถูกเขาหลอกต้มจนเปื่อย กลับบ้านไปเลียแผลแล้วฝึกวิทยายุทธ์เหยียบหิมะไร้ร่องรอยกันไหม”

ทั้งยังตามมาด้วยประโยคสั้นแต่กินใจ

“ถูกเขาหลอกใช้ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้เอามารองนั่ง เสือกถูกเอากระดูกมาแขวนคอ คนอื่นเขาคว้าพุงไปกิน”

แทงลึกเข้าไปยังความรู้สึกภายใน

“เสร็จศึกเจ้ายุทธจักรครั้งนี้เค้าจะเอาพ่อแขวนขึ้นหิ้งอีกไหมนี่ หลังจากตระเวนขายชื่อพ่อไปรอบเมือง ทำอะไรไม่เคยเห็นหัวพ่อ หลอกใช้ไปวันๆ”

อาจเป็นความรู้สึกส่วนตัวของ นางภักดิพร สุจริตกุล ที่สัมพันธ์แนบแน่นกับ “ลูก”

แต่เรื่องนี้สะทือนไปกว้างไกลยิ่งในทางการเมือง

ไม่มีใครเชื่อหรอกว่า คนดีมีอุดมการณ์ระดับ นายชวน หลีกภัย จะถูกใครไหนมาหลอก

กระนั้น เมื่อเป็นเสียงจาก นางภักดิพร สุจริตกุล

ไม่ว่า นายชวน หลีกภัย ไม่ว่า นายสุรบถ หลีกภัย ก็จำเป็นต้องล้างหูน้อมรับฟัง แม้ว่าวิทยายุทธ์จะถึงขั้น “เหยียบหิมะ ไร้ร่องรอย”ไปแล้วก็ตาม

นี่ย่อมเป็นโจทย์ใหม่ โจทย์ใหญ่ ทางการเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน