คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

ความพยายามจับกุมพระธัมมชโยในเหตุการณ์ล่าสุดนี้ จริงจังกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งการเพิ่มหน่วยปราบจลาจลจากทหารและเพิ่มความเข้มของกฎหมายในการให้อำนาจเจ้าหน้าที่

หลังจากพระธัมมชโยตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาล ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด

ครั้งล่าสุดนี้มีการใช้มาตรา 44 ระบุให้ “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ข้าราชการตํารวจ ข้าราชการทหาร หรือเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองที่ได้รับมอบหมาย เข้าร่วมปฏิบัติการ

เป็นคำสั่งและปฏิบัติการที่ใหญ่และมีความพิเศษที่ต้องระมัดระวังยิ่ง

ตามประกาศใช้มาตรา 44 ดังกล่าว มีผลให้วัด ตลอดจนพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกาย ในอำเภอคลองหลวง ในหมู่ที่ 7 ถึงหมู่ที่ 13 ในตำบลคลองสอง และหมู่ที่ 7 ถึงหมู่ที่ 11 ตำบลคลองสาม เป็นพื้นที่ควบคุม เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการตามอำนาจ ปิดกั้นการเข้า-ออก ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป

พร้อมระบุโทษไว้ว่า ผู้ใดขัดขวางหรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ให้ระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

นอกจากคำสั่งที่ดูเด็ดขาดขึงขังนี้ การปรากฏเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณพื้นที่ควบคุมนี้ ทำให้สถานการณ์ดูเข้มข้นและน่าหวั่นใจพร้อมกันด้วย

เนื่องด้วยการใช้อำนาจรัฐจัดการกับสถานการณ์เผชิญหน้ากับกลุ่มคนจำนวนมากนั้น เคยมีบทเรียนว่าการใช้อำนาจบังคับให้สยบยอม ย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงและนำไปสู่ความสูญเสีย

ในกรณีของวัดธรรมกายที่มีความพยายามหลายครั้งในการจับกุมพระธัมมชโย แต่ไม่บรรลุผลเพราะเจ้าหน้าที่ต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญกับศิษยานุศิษย์ที่มีศรัทธาแรงกล้า

แม้ว่าครั้งนี้เครื่องมือทางกฎหมายจะครบครัน เข้มแข็งกว่าครั้งก่อนๆ อีกทั้งแม้ว่าจะเน้นใช้กำลังหน่วยควบคุมฝูงชนที่ปราศจากอาวุธซึ่งถูกต้องตามหลักสากล

ต้องไม่ลืมนึกถึงบทเรียนและผล กระทบจากการใช้ไม้แข็งเข้าควบคุมมวลชนที่ผ่านๆ มา โดยไม่ควรมุ่งผลสำเร็จของปฏิบัติการโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อเพื่อนมนุษย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน