นับแต่มีการเปิดเวทีดีเบตประชันวิสัยทัศน์ แต่ละพรรคการเมืองก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะหากมองผ่านพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป

เบื้องต้นก็จะเห็นการปรากฏตัวของ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล

แต่ต่อมา 3 คนนี้ก็ค่อยๆหายไป

เหมือนกับการปรากฏตัวของ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ การปรากฏตัวของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน แล้วก็ค่อยๆหายไปจากวงจรของเวทีดีเบต

การปรากฏตัวของคนจากพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลัง ประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป น่าศึกษา น่าวิเคราะห์

สาเหตุมีมูลเชื้อมาจากอะไร

สาเหตุ 1 ที่หายไปน่าจะมาจากการตัดสินใจของพรรค การตัดสินใจของเจ้าตัวเอง ขณะเดียวกัน สาเหตุ 1 มาจากดุลพินิจของแต่ละเวทีว่ายังควรเชิญมาร่วมรายการหรือไม่

กล่าวสำหรับการตัดสินใจของแต่ละพรรคไม่ว่าจะพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป

อาจเป็นเหตุผลเดียวกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นั่นก็เพราะว่าเมื่อ นายอุตตม สาวนายน เมื่อ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เมื่อ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ปรากฏตัวโอกาสที่จะ กลายเป็น “จำเลย” มีสูงอย่างสูงยิ่ง

ยิ่งออกเวทียิ่งตกอยู่ในสภาพเหมือนกับ”กระสอบทราย”ให้อีกฝ่ายซ้อมมือ

เป็นสถานการณ์”ตั้งรับ”มากกว่าจะ”รุก”

ขณะเดียวกัน กล่าวสำหรับบางคนจากพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป ก็เป็นฝ่ายเรียกเสียง”ฮา”มากกว่าเสียงปรบมือ

เมื่อถึงกาละหนึ่งทางการเมืองก็หมดความจำเป็นในการเชิญ

เหลือเวลาอีกเพียง 14 วันวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม ก็จะเดินทางมาถึง นั่นเท่ากับ 2 สัปดาห์

เป็น 2 สัปดาห์ที่เคยคิดว่าจะ “รุก”ทางการเมือง

แต่เอาเข้าจริงๆ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป กลับเป็นฝ่าย “รับ”อยู่ในสถานะเป็น “จำเลย”แทนที่จะเป็นโจทก์

จึงค่อยถอยห่างออกจากเวทีดีเบต ประชัน”วิสัยทัศน์”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน