คล้ายกับเมื่อได้คำสั่งจากอำนาจแห่ง “มาตรา 44” มาอยู่ในมือจะทำ ให้ปฏิบัติการเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ดำเนินไปอย่างราบรื่น

ราบรื่นอย่างชนิดเรียกได้ว่า “ฉลุย”

หากมองแต่เพียงเหตุการณ์ในวันที่ 16 และในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ก็อาจเห็นเช่นนั้น

เพราะ”ดีเอสไอ” สามารถไปได้ทุกจุด ทุกพื้นที่

ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ 196 ไร่อันเป็นจุดที่ตั้ง”ศาลาดาวดึงส์” ไม่ว่าจะเนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่อันเป็นจุดที่ตั้ง”อาคาร 100 ปี”

ถือได้ว่า “สำเร็จ”

ความเร้นลับอันเคยดำรงอยู่ภายใน “ธรรมกาย” ถูกนำมาโชว์อย่างล่อนจ้อน เปล่าเปลือย

กระนั้น ปม 1 ซึ่งมิอาจคุยได้ว่า “สำเร็จ”

นั่นก็คือ ยังไม่พบตัว พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย

เหมือนกับเป็น”จุดเล็ก” แต่กลับ “ใหญ่”

ที่สำคัญเป็นอย่างมาก คือทำให้กรณี”ธรรมกาย”ยังไม่สามารถ “จบ”ลงได้

ไม่ว่าจะเป็น”ดีเอสไอ” ไม่ว่าจะเป็น”ธรรมกาย”

ปมอยู่ที่ “ดีเอสไอ” เสนอประเด็นความต้องการที่จะเข้าไปตรวจค้นภายใน “ธรรมกาย”อีกหน

ถือว่าเป็นการตรวจค้นครั้งที่ 2

แต่มาคราวนี้กลับไม่ราบรื่นเหมือนเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เพราะทางด้าน”ธรรมกาย” ไม่ยินยอม

เป็น พระราชภาวนาจารย์ ออกมา”เซย์โน”

ทั้งๆที่คำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 5/2560 อันเนื่องแต่”มาตรา 44″ ยังดำรงคงอยู่

เหมือนกับจะปฏิเสธ “ข้อเสนอ” จาก”ดีเอสไอ”

แต่ในความเป็นจริงเท่ากับเป็น”การปฏิเสธ”ต่อบทบาทและความหมายของ “มาตรา 44”

หากมองจากจุดนี้ถือว่า “แรง”ถึงขั้น”แรงส์”

ความจริง มิได้หมายความว่าท่าทีของ”ธรรมกาย”ต่อ”มาตรา 44″จะมีจุดเริ่มตอนที่เจรจาในตอนสายของวันที่ 22 กุมภาพันธ์

หากแต่”เริ่มต้น”มาก่อนหน้านี้แล้ว

จำได้หรือไม่ว่า “ดีเอสไอ” เคยออกคำสั่งตามอำนาจอันได้มาโดย “มาตรา 44” ให้พระสงฆ์ 14 รูปของ”ธรรมกาย”เข้ารายงานตัวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์

แต่จนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ทั้ง 14 รูปไม่มีองค์ใดเดินทางไป “รายงานตัว”

บางรูปยังออกมา”แถลงข่าว” เจื้อยแจ้ว

บางรูปนั่ง “เจรจา” ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับ”รองอธิบดี”แห่ง “ดีเอสไอ” ด้วยซ้ำไป

เท่ากับสะท้อนว่าคำสั่ง”ดีเอสไอ”ไม่มี”ความหมาย”

ขณะเดียวกัน ก็ “หมายความ”ด้วยว่า “มาตรา 44″ได้คลายสถานะและความศักดิ์สิทธิ์ลง

นี่ย่อมเป็น “ผลสะเทือน” นอกเหนือการคาดคิด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน