มาตรฐานกกต.
คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
มาตรฐานกกต. : นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ หลังถูกยุบพรรคโดยเดินสายจัดเวทีปราศรัยทั่วประเทศว่า
ความเป็นพรรคการเมืองได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ส่วนที่เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งคงบังคับใช้ไม่ได้มาก เพราะไม่ได้อยู่ฐานะผู้สมัครหรือพรรค แต่ยังมีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องและต้องปฏิบัติตาม
ส่วนการประกาศเทคะแนนให้คนอื่น หรือรณรงค์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งโหวตโน ได้ให้สำนักงาน กกต. แต่งตั้งคณะสืบสวนไต่สวนฯ แล้ว
ว่าเป็นการครอบงำ ชี้นำ ชักจูง จูงใจ อันเป็นความผิดบัญญัติไว้ในกฎหมายหรือไม่
ประเด็นดังกล่าวถูกตั้งคำถามและข้อสงสัยจากผู้เกี่ยวข้องโดยตรง อาทิ อดีตผู้สมัครของพรรคไทยรักษาชาติ
หรือจากประชาชนทั่วไป อาทิ น.ส.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ รองประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย ที่ระบุว่า
จากการรณรงค์ให้คนไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ว่าเลือกพรรคใด หรือไม่ประสงค์ลงคะแนน เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่ห้ามทุจริตการเลือกตั้ง อย่างการจูงใจให้หรือเสนอว่าจะให้ ใช้อิทธิพลบังคับขู่เข็ญ
ส่วนการรณรงค์ที่ผิดกฎหมายคือ รณรงค์ไม่ให้ไปเลือกตั้ง หรือขัดขวางการเลือกตั้ง
อะไรที่กฎหมายไม่ได้ห้ามย่อมกระทำได้ ต้องดำเนินการไปตามกฎหมายที่ให้ไว้
จะใช้ดุลพินิจส่วนตัววินิจฉัยไม่ได้
นอกจากนั้น ยังมีข้อสังเกตและคำถามจากประชาชนบางส่วนด้วยว่า หาก กกต. ใช้มาตรฐานเดียวกันกับที่ตั้งไว้กับพรรคไทยรักษาชาติแล้ว
จะใช้มาตรฐานเดียวกันพิจารณาพรรคการเมืองอื่นที่ได้เปรียบจากการที่มีอำนาจรัฐ หรืออิทธิพลที่เห็นได้ชัดอย่างอื่นหนุนหลังอย่างไร
ในฐานะที่การเลือกตั้งครั้งนี้แบกความหวังของประชาชนทั้งประเทศเอาไว้ และเป็นการเลือกตั้งภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ปกติ
กกต. ผู้เสนอตัวเข้ามารับหน้าที่สำคัญ ย่อมมีหน้าที่จะต้องทำให้การเลือกตั้งยุติธรรม โปร่งใส เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ไม่เกิดปัญหาสองมาตรฐานซ้ำซ้อนขึ้นมาเช่นในอดีต
คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง