คำประกาศของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บนเวทีดีเบต ณ ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ว่าหากมีรัฐประหารเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง
พรรคอนาคตใหม่พร้อมจะต่อต้านโดยการใช้สภาผู้แทนราษฎรประกาศความเป็น “รัฎฐาธิปัตย์”
“ที่ผ่านมาพรรคการเมืองไม่สู้ ปล่อยให้ประชาชนสู้อยู่ฝ่ายเดียว แต่ครั้งนี้พรรคการเมืองนำโดยพรรคอนาคตใหม่จะสู้ ยืนยันว่ารัฎฐาธิปัตย์อยู่ที่สภา
คณะรัฐประหารกล้ายิงคุณหญิงสุดารัตน์ คุณอภิสิทธิ์ และธนาธรหรือไม่ เมื่อเราต่อสู้อย่างสันติวิธีในสภา ไม่ให้ประชาชนลงไปตายฟรีบนถนนอีก”
นี่คือแนวทางพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ต้องยอมรับว่ายังไม่เคยมี ส.ส.หรือว่าที่ ส.ส.คนใด เคยประกาศชัดเจนทั้งในทางความคิดและในทางรูปแบบวิธีการต่อสู้กับรัฐประหารเหมือนที่ นายธนาธร รุ่งเรืองกิจ ประกาศ
และนอกเหนือจากการแสดงออกของ ส.ส. 3 คนหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2514 แล้วก็แทบไม่เคยมีปรากฏการณ์
แม้กระทั่งการแสดงออกของ นายอุทัย พิมพ์ใจชน นายบุญเกิด หิรัญคำ นายอนันต์ ภักดิ์ประไพ ในกาลอดีตก็ได้รับการมอง ด้วยสายตาแปลกๆจากนักการเมืองด้วยกัน
เชื่อได้เลยว่า คำประกาศของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็จะได้รับการสนองตอบแทบไม่แตกต่างกัน
กระนั้น นี่ย่อมเป็น “สัญญาประชาคม”อันหนักแน่น
อย่างน้อยก็เพื่อยืนยันโดยหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ว่าหากมีรัฐประหารเกิดขึ้นตัวเขาและพรรคการเมืองที่เขาสังกัดจะดำเนินการอย่างไร
เป็นคำประกาศ ณ ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
มองผ่านพรรคอนาคตใหม่ไปยังตัวตนของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็จะมองเห็นถึงการแสดงบทบาทตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา หรือแม้กระทั่งเมื่อเป็นนักธุรกิจ
ไม่ว่าที่เขื่อนปากมูล ไม่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535
คำพูดกับการกระทำของเขา ดำเนินไปอย่างเป็นเอกภาพ ไม่มีแปลกปลอม พูดอย่างไรก็ปฏิบัติอย่างนั้น ร่วมต่อสู้อย่างเคียง บ่าเคียงไหล่
เมื่อท่านพูดคนจะฟัง เมื่อท่านลงมือทำคนจะเชื่อ