มีความแตกต่างระหว่าง “ปฏิบัติการ”ในเดือนกุมภาพันธ์ กับเดือนธันวาคม อย่างแน่นอน

แม้ว่า “เป้าหมาย”จะ”เหมือนเดิม”
เหมือนเดิม 1 ตรงที่ยังเป็น พระเทพญาณมหามุนี เหมือนเดิม 1 ตรงที่ยังเป็นวัดพระธรรมกาย
แต่ที่ไม่เหมือนเดิม
เพราะว่า 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมาก คือมี “มาตรา 44” อันนำไปสู่การประกาศ “เขตควบคุมพิเศษ”
“ออก” ได้ แต่ “เข้า” ไม่ได้
นั่นก็เป็นได้จากการปิดประตูเข้าวัดพระธรรมกายอย่างสิ้นเชิง จะผ่อนปรนให้แต่เฉพาะประตู 5 ประตู 6
ยิ่งกว่านั้น 1 ทหารยังปรากฏ”ตัว”อย่างเปิดเผย
กระนั้น 1 ซึ่งรับรู้กันตั้งแต่เช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ก็คือ ไม่ปรากฏบทบาท พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล
โดยเฉพาะบทบาทใน”การนำ”

ความจริง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ได้เคยทำความเข้าใจกับ “สื่อ” มาแล้วหลายครั้ง
“ตำรวจ” มิได้เป็นฝ่าย”นำหน้า”
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเดือนมิถุนายน 2559 ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเดือนธันวาคม 2559
“ดีเอสไอ” ต่างหากที่ “นำ”
เห็นได้จากบทบาทที่ พ.ต.อ.สุริยา สิงหกุล รองอธิบดีดีเอสไอ เป็น “ผู้บัญชาการ”ในการรุกเข้าไปในพื้นที่ “ธรรมกาย”
แต่ดูเหมือน “สังคม” จะไม่”รู้สึก”อย่างนั้น
เพราะ “น้ำเสียง”อันมาจาก พ.ต.อ.สุริยา สิงหกุล แผ่วเบาอย่างยิ่ง ตรงกันข้าม เป็น”น้ำเสียง”อันมาจาก พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล มากกว่า
แม้ว่า “หมายค้น” จะมาจาก”ดีเอสไอ”ก็ตาม

ก่อนหน้า”ปฏิบัติการ”ในเดือนกุมภาพันธ์ มีข่าวเล็ดลอดมาจากทาง ด้าน “ดีเอสไอ” ว่าจะมีการเปลี่ยนตัวทางด้าน “ตำรวจ”
โดยอาจเป็น “รองผบ.ตร.”อีกคน
เป็นรองผบ.ตร.อีกคนซึ่งมิใช่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อีกแล้ว
มีเสียง”ปฎิเสธ” ปรากฏตามมา
แต่เมื่อ”ปฏิบัติการ”ในเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มขึ้นพร้อมกับการประกาศ”มาตรา 44″ ก็มีภาพแห่งการแปรเปลี่ยน
เป็นภาพของ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1
นี่คือ ตัวบุคคลที่ประชุมในศูนย์บัญชาการกับ “ดีเอสไอ”และ”ทหาร”
เป็นภาพของ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทางกูร รองผบช.ภ.1
เป็นอันเด่นชัดว่า “ปฏิบัติการ” นี้มี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอเป็น “พระเอก”
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ถอยห่างออกไป
ได้ยินเสียงแว่วๆดังมาจาก หมู่ 6 ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ ไกลลิบลิ่วจาก”คลองหลวง”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน