ต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำ

คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

ต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำ : บทบรรณาธิการ – ผลการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 17 มีนาคม พบว่าในจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ 2,632,935 คน มีผู้ออกมาใช้สิทธิคิดเป็นร้อยละ 86.98 และหลายแห่งใช้สิทธิเกินกว่าร้อยละ 90

เทียบกับการเลือกตั้งล่วงหน้าของการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2554 ในวันที่ 26 มิถุนายน มีผู้ลงทะเบียนถึง 2,647,330 คน แต่มีผู้ออกมาใช้สิทธิคิดเป็นร้อยละ 55.57 เกินครึ่งแค่เพียงเล็กน้อย

สถิติดังกล่าวย่อมสะท้อนถึงความตื่นตัวทางการเมือง เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการปกครองระบอบประชาธิปไตย และกำหนดอนาคตของประเทศอย่างมีพัฒนาการ

ประชาชนมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะใช้สิทธิ แม้จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ปัญหาที่พบในครั้งนี้ มีการกระทำที่อาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายรวม 3 กรณี คือการแอบนำบัตรเลือกตั้งทั้งเล่มไปทำเครื่องหมายให้ ผู้สมัครพรรคการเมืองบางพรรค การนำบัตรประจำตัวของบุคคลอื่นไปแสดงตนขอใช้สิทธิลงคะแนน และมีการทำเอกสารปลอม

รวมถึงเจ้าหน้าที่แจกบัตรเลือกตั้งผิดเขต ซึ่งพบมากในหลายจังหวัด ถ้าพบหรือทักท้วงก่อนการลงคะแนน ก็สามารถแก้ไขได้ทัน แต่หากลงคะแนนและนำบัตรหย่อนในหีบบัตรแล้ว ก็จะกลายเป็นบัตรเสีย

นอกจากนี้ ยังพบว่าแอพพลิเคชั่นสมาร์ต โหวต ไม่สามารถใช้งานได้ระยะเวลาแรก แม้จะปรับปรุงจนเป็นปกติ แต่ก็ทำให้การใช้สิทธิไม่ราบรื่นเช่นกัน

ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะเป็นบทเรียนที่จะไม่ทำให้เกิดปัญหาในวันที่ 24 มีนาคมนี้

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งล่วงหน้าที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้งตกเป็นเป้า ถูกสังคมพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงความไม่เป็นมืออาชีพ และการเตรียมความพร้อม

ทั้งที่งบประมาณที่นำมาใช้ในการบริหารจัดการการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเงินจำนวนมากกว่าครั้งไหนๆ ขณะที่เทคโนโลยีด้านต่างๆ ก็มีความก้าวหน้าอย่างมาก

จริงอยู่ คณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 7 คน อาจจะเพิ่งเข้ามารับหน้าที่ ไม่เคยมีประสบการณ์ และเป็นการจัดการเลือกตั้งครั้งแรก ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ ที่เป็นของใหม่

แต่องคาพยพของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ล้วนเคยผ่านงานด้านนี้มาแล้ว แม้จะไม่มีการเลือกตั้งมาถึง 5 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน