ก่อนวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคมเพียง 2 วัน พรรคภูมิใจไทยก็สำแดง จุดยืนและความแจ่มชัดในทางการเมืองที่แม้จะมิได้ระบุว่าจะร่วม หรือไม่ร่วมกับใคร
แต่ก็แจ่มชัดอย่างยิ่งว่าทิศทางของพรรคภูมิใจไทยภายหลัง การเลือกตั้งจะดำเนินไปอย่างไร
หากเปรียบเทียบกับความแจ่มชัดก่อนหน้านี้ของพรรคประชาธิปัตย์ อาจประเมินและสรุปได้ว่าพรรคภูมิใจไทยมีลักษณะก้าวหน้าและแจ่มชัดมากยิ่งกว่า
โดยเฉพาะคำประกาศต่อสิทธิและอำนาจของ 250 ส.ว.ไม่เพียงแต่จะระบุว่าไม่ควรสวนทางกับ 500 ส.ส.หากแต่พร้อมที่จะ แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมอย่างคำนึงถึงศักดิ์ศรีของ ส.ส.
ประการหลังนี้เองทำให้ต่างไปจากพรรคประชาธิปัตย์
ต้องยอมรับว่าข้อเสนอที่ว่า 250 ส.ว.ควรเคารพการเลือกของประชาชน หากประชาชนเลือกพรรคการเมืองใดมาเป็นอันดับ 1 และสามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้
250 ส.ว.ก็ไม่ควร “โหวต” สวนทางกับผลการเลือกตั้ง สวนทางกับมติส่วนใหญ่ภายใน 500 ส.ส.
แต่เมื่อมีข้อเสนอ”ปลดสวิตซ์ ส.ว.”อันมาจากพรรคอนาคต ใหม่ที่ว่า ส.ส.พร้อมยืนยันในการโหวตให้กับนายกรัฐมนตรีที่มิใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพื่อมิให้มีการสืบทอดอำนาจ และเพื่อรักษาอำนาจอันมาจากการเลือกของประชาชน
พรรคประชาธิปัตย์กลับลังเล ตรงกันข้าม พรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะยกมือให้เพื่อสำแดง ศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎรแม้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นฝ่ายค้านก็ตาม
นี่คือจุดยืนและจุดต่างของพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
ในท่ามกลางการเคลื่อนไหวไปสู่การเลือกตั้ง ในท่ามกลางการรณ รงค์หาเสียงอันเข้มข้นของแต่ละพรรคการเมืองเพื่อเสนอตัวให้ประชาชนตัดสินใจ
ตัดสินใจและตรวจสอบระหว่างคำพูดกับการกระทำ
แต่ละพรรคการเมืองก็สำแดงตัวตนของตนออกมาเป็นลำดับว่าเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะซ่อนแอบอยู่ภายใต้โวหารอันหรูหรา อลัง การอย่างไร ในที่สุดก็สามารถหาคำตอบได้
ถ้าท่านพูดคนจะฟัง แต่ถ้าท่านลงมือทำคนจะเชื่อ