หากมองจากด้านของคนที่เชียร์”ลุงตู่” ผลการเลือกตั้งที่พรรคพลังประชารัฐกำชัยอย่างท่วมท้น ก็ถือเป็นผลงานและความสำเร็จอันยอดเยี่ยม

เท่ากับยืนยันว่าประชาชนต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปต่อ

กระนั้น หากมองไปยังพรรคตระกูล”พลัง”ด้วยกันก็น่าสงสัย

ไม่ว่าจะเป็นพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรค พลังธรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังชาติไทย หรือแม้กระทั่งพรรคประชาชนปฏิรูป

แทนที่จะประสบความสำเร็จ หากได้รับการขานรับแผ่วเบายิ่งในทางการเมือง

หรือเพราะว่าเทคะแนนไปรวมศูนย์อยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ

ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความปรีติปราโมทย์ต่อชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐ

ก็มีเสียงไชโยให้กับการผงาดของพรรคอนาคตใหม่

พรรคพลังประชารัฐยังถือได้ว่าเป็นพรรคที่อิงอยู่กับอำนาจของคสช. ซึ่งมิได้หมายเพียงมีกองทัพเป็นฐาน หากแต่ยังหมายถึงรัฐราชการ

ยิ่งกว่านั้นความสำเร็จในการขายโต๊ะจีนระดมทุน 600 กว่า ล้านบาทได้ภายในพริบตาพลัน

ยังสะท้อนให้เห็นว่ามีรากฐานของ”ทุน”แน่นหนา

แต่พรรคอนาคตใหม่เริ่มต้นจาก 2 มือเปล่าใช้เวลาจากเดือน มีนาคม 2561 ที่มีแต่ความคิดสามารถทะยานข้ามพรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์

ถือได้ว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อเพียงเพราะมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล

หากผนวกรวมกับพรรคเพื่อไทยซึ่งมีเป้าหมายใกล้เคียงกันก็มีคะแนนเสียงมากยิ่งกว่าพรรคพลังประชารัฐอย่างเด่นชัด

การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม จึงไม่เพียงแต่จะสะท้อนปรากฏ การณ์ของพรรคพลังประชารัฐ หากแต่ยังสะท้อนปรากฏการณ์ของพรรคอนาคตใหม่รวมอยู่ด้วย

พรรคอนาคตใหม่ได้เป็นอีกปัจจัยสำคัญทางการเมือง

เป็นปัจจัยที่พรรคพลังประชารัฐมิอาจทอดตามองอย่างเย็นชาเหมือนกับไม่มีตัวตน

ทั้งๆที่มี ส.ส.อยู่ในมือไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน