สุดโต่งเสียงดัง :คอลัมน์ ใบตองแห้ง

โล่งอกไปที สงกรานต์ปีนี้ไม่ห้ามขายเหล้า ตามที่คณะกรรมการควบคุมน้ำเมา กระทรวงสาธารณสุข ชงบอร์ดชุดใหญ่ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันที่ 13 เมษายน แต่รัฐบาลไม่เอาด้วย

เช่นเดียวกัน ตำรวจไม่ห้ามเล่นสงกรานต์ท้ายรถกระบะ แม้ตอนแรกมีข่าวจะห้าม แต่ลุงป้อมบอกว่ายังปล่อยไปก่อน

ขอบคุณหลายๆ เพราะถ้าห้ามโน่นห้ามนี่ไปหมด สงกรานต์ก็หมดสนุก 3 วันไม่ต้องทำอะไร รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ ไปวัดทำบุญ พับเพียบประน้ำอบ ตามประเพณีอันดีงาม ในภาพวาดของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งไม่ใช่ประเพณีพื้นบ้านแบบไทยๆ

พูดอย่างนี้ไม่ใช่คอเหล้า ไม่ชอบน้ำเมา และกลัวคนเมาขับรถพุ่งชน เช่นเดียวกับนักรณรงค์ทั้งหลาย แต่คำถามคือ ห้ามขายห้ามดื่มแล้ว ลดอุบัติเหตุได้จริงไหม พวกนิสัยเลวขับรถที่เห็นกันทั่วไป กลางวันแสกๆ ไม่เกี่ยวกับเทศกาล มันมาจากเหล้าเท่านั้นหรือ

การโทษเหล้าเป็นผู้ร้ายตัวเดียว มันง่าย แถมขายศีลธรรมได้ด้วย ได้เทศนาสั่งสอนคน ใครไม่เห็นด้วยก็เถียงลำบาก โดนศีลข้อห้ายัดปาก แต่ถามว่าหากได้คืบเอาศอก ปีนี้ห้ามวันที่ 13 แล้วก็อ้างสถิติเป็นตุเป็นตะว่าได้ผล ปีหน้าปีโน้นห้ามวันที่ 14,15 ห้ามปีใหม่ ห้ามคริสต์มาส ห้ามตรุษจีน ฯลฯ ถามจริง ห้ามตายได้ไหม

ต่อให้ใช้พระไตรปิฎกเป็นรัฐธรรมนูญ ปิดโรงเหล้าเบียร์ให้หมด แต่วินัยขับรถยังเป็นอย่างนี้ ก็ตายอันดับหนึ่งของโลกอยู่ดี เพราะเรามีปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งก็ไม่ใช่เพิ่มโทษเพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่แล้วแก้ไขได้ ตราบใดที่กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ กฎหมายสูงสุดยังฉีกได้ ใครมีอำนาจก็ตีความตามอำเภอใจ

โทษเหล้ามันง่าย แต่ทำให้ละเลยปัจจัยอื่นที่เป็นสาเหตุอีกมากมาย แล้วทำไม นักรณรงค์เรื่องนี้จึงเสียงดัง ทั้งที่บางครั้งอ่อนเหตุผล ก็เพราะมันเป็นเรื่องของความดี ที่สามารถใช้ปิดปากคนอื่น ใช้เป็นพลังทางการเมืองได้ด้วย รัฐบาลอยากเป็นคนดีก็ต้องคล้อยตาม ไม่ว่าเสนอมาตรการสุดโต่งเพียงไร เพื่อลดละอบายมุข เหล้า บุหรี่ ห้ามตาย

รัฐบาลไหนไม่เล่นด้วย ก็อาจโดนครหา เข้าข้างนายทุน ใครเถียงก็อาจโดนสงสัย รับตังค์บริษัทเหล้าบุหรี่ใช่ไหม ทั้งที่พวกออกมารณรงค์ พูดจานุ่มๆ น้ำเสียงน่าฟัง ก็ได้รับทุนจาก สสส.มาทำกิจกรรม รวมถึงสื่อจำนวนมาก ก็ได้ค่าโฆษณาจาก สสส.

สมัยนี้ ความดีไม่ใช่ของฟรีอีกต่อไป ความดีมีค่า รณรงค์รักษ์โลกรักป่า ลดถุงก๊อบแก๊บ หาทุน CSR ได้ง่าย แม้แต่รณรงค์รักหมา ถ้าทำเป็นก็สามารถขอโฆษณาอาหารสัตว์ รณรงค์ให้ทำความดี กตัญญูพ่อแม่ ซื่อสัตย์ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม โค้ชชิ่ง สร้างแรงบันดาลใจ โตไปไม่โกง ฯลฯ บริษัทยักษ์ใหญ่ก็พร้อมจะอุปถัมภ์ อย่ารณรงค์ไล่ กกต.ก็แล้วกัน

แต่เอานะ ความดี ถ้ารณรงค์อย่างพอเพียง อยู่บนทางสายกลาง ก็ไม่ว่ากัน เพียงอย่าสุดโต่ง ฝืนความเป็นจริงของชีวิต ของสังคม ยกตัวอย่างเรื่องเหล้า ถ้าเข้าใจชีวิตคน มนุษย์ธรรมดาไม่ใช่พระ ก็ต้องมีบ้าง เที่ยวเตร่สังสรรค์ ทำไมไม่มีใครขอทุน สสส.มาจัดอบรมนิสิตนักศึกษาทุกมหาวิทยาลัย “กินเหล้าอย่างไรให้สนุกและไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น” (ไม่ได้แหงเลย ซ้ำโดนด่าขรม)

มองให้กว้างออกไป สังคมไทยมีปัญหาหลายเรื่อง ในการขีดเส้นชีวิตคน เช่นเรื่องเพศ ที่ยังอบรมบ่มสอนกันด้วยวัฒนธรรมยุควิกตอเรีย ทั้งที่ชีวิตจริงไปไกลลิบ แต่เด็กไทยต้องเรียนรู้เอาเองจากหนังเกาหลี หนังญี่ปุ่น จนมีปัญหาท้องก่อนวัยอันควรในอันดับต้นๆ (ทั้งที่เป็นประเทศศีลธรรม)

เช่นเดียวกับทางการเมือง ซึ่งใช้การปลุกความเกลียดชัง โดยอาศัยรากฐานทางวัฒนธรรม ความเชื่อ เรื่องความดีงาม คนดี คนเลว ต้านโกง ชาตินิยม ความเป็นไทย ต่อต้าน “ความคิดอันตราย”

ในความเป็นจริง คนที่มีความคิดสุดโต่ง ที่ปลุกระดมกันเอง ทั้งคนปลุกและมวลชน เป็นคนส่วนน้อยเท่านั้น แต่เสียงดัง เพราะอ้างว่านั่นคือความดี คือการปกป้องชาติบ้านเมือง โดยยังสามารถอ้างอิงอำนาจ จนเสียงข้างมากที่ไม่เห็นด้วย ไม่สามารถตอบโต้ได้ถนัด

นี่ไม่ใช่ว่าสังคมเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่สังคมเลิกยึดถือคุณค่าต่างๆ ที่คนเหล่านั้นเอามาปลุก แต่รากฐานสังคมไทยคือสังคมพุทธ ซึ่งแม้ย้อนแย้งอยู่บ้าง พุทธแบบบ้านๆ ก็อยู่ใน “ทางสายกลาง” ไม่ใช่สุดโต่งแล้วฆ่ามัน

คนไทยนับถือพุทธแต่โบราณ ปู่ย่าตายายก็ยังฆ่าไก่ไปทำบุญ งานบวชงานบุญไม่เคยขาดเหล้า แห่นาคก็เมา ทำขวัญนาคก็เมา งานศพก็กำถั่ว ทำไมยังบอกว่าเป็นสังคมในศีลในธรรม ก็เพราะบรรพบุรุษเรารู้จักความพอดี

แต่ในประวัติศาสตร์ที่ปลุกให้ฆ่ากันเป็นพักๆ ก็เพราะแย่งชิงอำนาจกันนั่นเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน