พลันที่กกต.นำเสนอสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันจะนำไปสู่การแจกจำนวน ส.ส. 1 คนให้กับ 12 พรรคการเมืองเล็ก ก็เริ่มมีความคึกคักภายในพรรคพลังประชารัฐ
เป็นความคึกคักว่า 12 ส.ส.จาก 12 พรรคการเมืองเล็กจะบวกรวมกับจำนวน ส.ส.ที่พรรคพลังประชารัฐมีอยู่
รายงานข่าวจาก”พรรคพลังประชารัฐ”จึงน่าจับตามอง
เป็นการจับตามองขณะที่กกต.ยื่นเรื่องนี้ให้ตุลาการศาลรัฐ ธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นการดำเนินการได้โดยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เป็นการจับตามองว่าพรรคพลังประชารัฐมีความมั่นใจมากแค่ไหนเพียงใดกับพันธมิตรโดยพื้นฐานที่มีอยู่
กรณีนี้มีความจำเป็นต้อง”ตามไปดู”
แหล่งข่าวของพรรคพลังประชารัฐยืนยันด้วยความมั่นใจอย่างยิ่งว่าพรรคพลังประชารัฐมีพันธมิตรโดยพื้นฐานอยู่แล้ว
1 พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 พรรครักษ์ผืนป่า
1 พรรคภูมิใจไทย 1 พรรคชาติไทยพัฒนา 1 พรรคชาติพัฒนา 1 พรรคท้องถิ่นไท
และ 12 ส.ส.จาก 12 พรรคการเมืองเล็ก
ยิ่งกว่านั้น ความมั่นใจของพรรคพลังประชารัฐยังอยู่ที่ 5 ส.ส.จากพรรคเศรษฐกิจใหม่
และ 35 ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์
แน่นอน 5 ส.ส.จากพรรคเศรษฐกิจอยู่ระหว่างการต่อรองของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กับ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ในเรื่องตำแหน่งและบทบาท
ขณะที่จำนวน 35 ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ มีความแนบแน่นอย่างยิ่งกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำของพรรคพลังประชารัฐที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์
นี่คือการปรากฏขึ้นของ”งูเห่า”ในทางการเมือง
หากทุกอย่างเป็นไปตามข่าวอัน”ปล่อย”ออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ ก็ยิ่งเสริมภาพลักษณ์ของพรรคพลังประชารัฐที่เคยดำรงอยู่ให้มีความเด่นชัดขึ้นอีก
นั่นก็คือ ภาพลักษณ์แห่ง”พลังดูด”
เริ่มต้นผ่านบทบาทของ”กลุ่มสามมิตร” ผ่านบทบาทของหลายคนใน “ทำเนียบรัฐบาล”
เป็นการใช้”พลังดูด”ตั้งแต่ต้นน้ำ กระทั่งปลายน้ำ