ขนาดได้มา 4.8 แสนคะแนน 2 หูของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ยังระงมด้วยเสียงก่นด่าอย่างชนิดสาดเสียเทเสียเมื่อมีข่าวว่า 5 เสียงของพรรคเศรษฐกิจใหม่จะเทให้กับพรรคพลังประชารัฐ
ปฏิกิริยาจาก 3.9 ล้านคะแนนอันพรรคประชาธิปัตย์ได้มาจะเป็นอย่างไร
แฟนานุแฟน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คงคาดหมายได้
หากว่า 35 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะตัดสินใจเทให้กับพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่อีก 17 ส.ส.ที่เหลือจะมีปฏิกิริยาและมีท่าที อย่างไรในทางการเมือง
แม้ว่าเรื่องนี้จะดำเนินไปในท่วงทำนองแบบ”โยนหินถามทาง” จากพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็พอจะเป็น”สัญญาณ”อันเด่นชัด
เด่นชัดถึง “ปฎิกิริยา”ในสังคม ในทาง”การเมือง”
จากข่าวปล่อยซึ่ง”หลุด”ออกมาจากภายในพรรคพลังประชารัฐพอจะชี้ให้เห็น “ทางโน้ม” หลายอย่างในทางการเมือง โดยเฉพาะ อย่างยิ่งความมั่นใจภายในพรรคพลังประชารัฐ
บนพื้นฐานที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”
1 คือ ความมั่นใจใน “พลังดูด”
เป็นความจัดเจนอันถ่ายทอดมาจากยุคของพรรคสามัคคีธรรม เป็นความจัดเจนอันสำแดงผ่านบทบาทของ”กลุ่มสามมิตร” ตั้งแต่เดือนเมษายน 2561
เป็นความจัดเจนอันเอื้ออำนวยให้โดยกฎกติกาของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
และนั่นก็โยงสายาวไปยัง 1 ความมั่นใจในบทบาทของกกต.ที่แม้จะยื่นคำร้องขอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็เป็นการ วินิจฉัยอยู่บนพื้นฐานอันนำไปสู่การกระจาย ส.ส.
กระจายแม้กระทั่งพรรคเล็กที่ได้ 3 หมื่นกว่าคะแนนก็จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน
กระนั้น ปฏิกิริยาในทางสังคมอันสำแดงผ่านกรณีของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ และพรรคเศรษฐกิจใหม่ ก็น่าจะเป็นสัญญาณ อันคมเข้ม
จากพรรคเศรษฐกิจใหม่ถึงพรรคประชาธิปัตย์
จาก 3.4 แสนคะแนนส่งผ่านไปยัง 3.9 ล้านคะแนนว่าการตัดสินใจเช่นนี้จะมีผลเป็นอย่างไร
รวมถึงพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา