ยิ่งนานวัน ลักษณะ “การยื้อ” ระหว่าง “ธรรมกาย” กับ “ดีเอสไอ” ยิ่งน่าติดตาม

น่าติดตามในเชิง “กลยุทธ์”

ไม่เพียงแต่สำหรับ “นักการทหาร” เท่านั้น หาก “นักกฎหมาย” ก็ให้ความสนใจ

คล้ายกับเป็นเรื่อง “โปลิศจับขโมย”

แต่พอหยั่งลงไป “ลึก” ภายในรายละเอียดกลับเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่า

เพราะเป็นเรื่องระหว่าง”ฆราวาส” กับ”พระ”

พระซึ่งตาม “โอวาทปาติโมกข์” ตาม “พระธรรมวินัย” ต้องถือศีลถึง 227 ข้อ

เมื่อเผชิญกับ”มาตรา 44″จะทำอย่างไร

เสียงสวดมนต์อันเคยกระหึ่มจาก “ภายใน” คือท่าที 1 ความเงียบได้เกิดขึ้นในพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ แต่กระหึ่ม 1 ของเสียงสวด มนต์กลับดังในพื้นที่ “ตลาดกลาง” คลองหลวง

คำถามก็คือ “ดีเอสไอ”จะดำเนินการอย่างไร

ปรากฏ “หมายเรียก” ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 5/2560 ให้พระจำนวน 14 รูปออกมา “รายงานตัว”

จากนั้นมี”หมายเรียก”ไปยัง 19 “ฆราวาส”

ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ กระทั่งวันที่ 4 มีนาคม รวมทั้งหมดออก”หมายเรียก”ไปแล้ว 62 ราย

ถามว่าทาง”ธรรมกาย”ทำอย่างไร

อาจกล่าวได้ว่า ยกเว้น พระมหานพพร ปุญญชโย แล้วที่เหลืออีก 61 รายไม่มี “คำตอบ”

ไม่ว่าจะ 14 รูปที่เรียกหนแรก ไม่ว่าที่ทะยอยเรียกภายหลัง

พระไชยบูลย์ สุทธิผล นั้นเด่นชัดอย่างยิ่งว่าคงไม่ออกมารายงานหรือให้จับอย่างแน่นอน

ถามว่าแล้ว “5 เสือ ธรรมกาย”จะ”รายงานตัว”หรือไม่

ระยะหลังจากสถานการณ์เช้าวันที่ 23 กุมภาพันธ์ บทบาทของ พระปลัดเสกสรร อัตตธัมโม ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

พระท่านนี้สังกัดวัดพระธรรมกาย

ต้องการเข้าไปภายในวัดอย่างแน่นอน แต่ไม่ได้รับการอนุญาตจาก “ดีเอสไอ”

จึงปักหลักอยู่ในพื้นที่ “ตลาดกลาง”

ปรากฏว่าได้รับ “หมายเรียก”ให้ไปรายงานตัวในในวันที่ 6 มีนาคม

“อาตมาไปตามนัดอย่างแน่นอน”

คำยืนยันนี้ทำให้การเคลื่อนไหว ณ สภ.คลองหลวงในตอนเช้าวันที่ 6 มีนาคม มากด้วยความคึกคัก

ไม่ว่า “กองเชียร์” ไม่ว่า “กองแช่ง”

เพราะกรณีของ พระปลัดเสกสรร อัตตธัมโม คือ กรณีตัวอย่างอันมาจาก “ธรรมกาย”

เท่ากับเป็นการหยั่งเชิง โยนหินถามทาง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน