ไม่ว่าภาวะงุนงงสงกาของ 7 กกต.ต่อวิธีการคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ว่าภาวะยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกักในการรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลกระทั่งเกิดการเพรียกหา”รัฐบาลแห่งชาติ”

อาจเรียกรวมๆได้ว่าเป็นอาการของ “รัฐธรรมนูญ อักเสบ”

เป็นเรื่องที่แม้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แห่งพรรคพลังประชารัฐจะออกมาสรุปอย่างรวบรัดว่า

“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”

แต่ดูเหมือนว่าคำว่า”พวกเรา”จะมิได้หมายเพียงพรรคพลังประชารัฐ หากครอบคลุมไปถึงพรรคอนาคตใหม่ และก่อความหงุดหงิดให้กับพรรคประชาธิปัตย์ด้วย

เพราะในที่สุด “งูเห่า”อันเคยเกิดเมื่อปี 2540 และเมื่อปี 2551 ก็ย้อนกลับมาคล้องคอพรรคประชาธิปัตย์

ยิ่งเมื่อหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปออกมาเสนอให้ขยายบทบาท ของ 250 ส.ว. ขยายกรอบของบทเฉพาะกาล มาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญให้ครอบคลุมอย่างกว้างขวาง

จากกรอบปฏิรูป 6-7 ยุทธศาสตร์ไปยังการพิจารณาพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี

ยิ่งทำให้เห็นอาการของ”รัฐธรรมนูญ อักเสบ”หนักหนาสาหัส

ปืนใหญ่อันยิงผ่านบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ต้องการทำหมันและมัดตราสังมิให้มีพรรคใหญ่เพียง 2 พรรคคือ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์

ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ

กระสุนไม่อาจสังหารพรรคเพื่อไทยได้เพราะยังเป็นพรรคอันดับ 1 อยู่เหมือนกับที่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน เคยเป็น

แต่พรรคพลังประชารัฐก็มิอาจข่มพรรคเพื่อไทยลงได้

ยิ่งกว่านั้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์กลายเป็นพรรคอันดับ 4 ยิ่งทำให้แนวรบสืบทอดอำนาจต้องขลุกๆขลักๆ

นับจากวันที่ 24 มีนาคมเป็นต้นมา จึงเกิดโรค”รัฐธรรมนูญ อักเสบ” ปรากฏขึ้นตลอด 2 รายทาง มีความจำเป็นต้องงัด”ยา”หลายขนานเข้ามาแก้ไข เยียวยา

ไม่ว่าจะเป็นยาว่าด้วยมาตรา 270 บทเฉพาะกาล

ไม่ว่าจะเป็นยาสั่งเล่นงาน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แห่งพรรคอนาคตใหม่

ทำอย่างไรภาวะก้ำๆกึ่งๆก็ยังดำรงอยู่ มิได้หายไปไหน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน