คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

การแถลงเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีน มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสองของโลก ให้อยู่ที่ระดับร้อยละ 6.5 ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว รวมถึงจะสร้างงานในประเทศให้ได้ 11 ล้านตำแหน่ง น่าจะเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับนานาประเทศ รวมถึงไทยที่ทำการค้าขายกับจีน

หลังจากสหรัฐอเมริกา ชาติที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รัฐบาลใหม่ประกาศแนวนโยบายการค้า อย่างว่า อเมริกาต้องมาก่อน เน้นการสร้างงานในประเทศเช่นเดียวกัน

นโยบายเศรษฐกิจของแต่ละประเทศเน้นไปที่การตั้งรับและประคับประคอง

ในส่วนของไทย คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เพิ่งแถลงภาพรวมปี 2559 ว่า อัตราการว่างงานอยู่ในอัตราร้อยละ 0.99 คิดเป็นจำนวน 377,466 คน เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 0.88 ในปี 2558

ปัจจัยหลักที่ทำให้คนว่างงานสูงมาจากภาคการเกษตรที่เผชิญทั้งภัยแล้งและอุทกภัย แม้ว่าในปี 2560 สถานการณ์น่าจะดีขึ้น แต่ในส่วนของการจ้างงานนอกภาคการเกษตรมีเงื่อนไขใหม่

กล่าวคือการปรับตัวของตลาดแรงงานเข้าสู่ยุคดิจิตอล 4.0 จะมีผลกระทบต่อการจ้างงานและ รายได้ของแรงงานในอนาคต เพราะผู้ประกอบการจะนำเครื่องมือเครื่องจักรที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิต และลดการใช้กำลังแรงงานคน

เช่นเดียวกับการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในด้านการเงินและการตลาด จะมีผล ต่อการเปลี่ยนแปลงความต้องการของตลาดแรงงาน

การตั้งข้อสังเกตดังกล่าวของสภาพัฒน์จึงเป็นเรื่องที่ทำให้กิจการบริษัทห้างร้านต่างๆ ต้องปรับตัว เช่นเดียวกับสถาบันการศึกษาที่ผลิตบุคลากรป้อนตลาด

เพราะภาวะการแข่งขันที่บีบคั้น ทั้งจากเศรษฐกิจภายนอกประเทศ และการปรับตัวด้านการผลิตภายในประเทศ อาจส่งผลกระทบสูงขึ้นต่อภาวะคนว่างงาน

ผลกระทบนี้จะร้ายแรงขึ้นในสภาวะเศรษฐกิจมีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้สูง หมายความว่าผู้มีรายได้น้อยและฐานะยากจนจะได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

การมุ่งสู่เป้าหมาย 4.0 จึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน