FootNote : หมัดเด็ด ในมือ พลังประชารัฐ มาจาก 250 ส.ว. ในมือ “คสช.”
ความมั่นใจของพรรคพลังประชารัฐที่แสดงผ่านการเน้นย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ว่าพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลแน่
เป็นความมั่นใจที่จะต้องให้ความเชื่อถือในแนวโน้มและความเป็นไปได้
เพราะฐานแห่งความมั่นใจ
ฐาน 1 ซึ่งสำคัญอย่างที่สุด คือฐานที่วางบนหลักการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
นี่คือ ฐานแห่ง “อำนาจ”อย่างเป็นจริง
ไม่ว่าจะมองผ่านการเป็นหัวหน้าคสช. ไม่ว่าจะมองผ่านการเป็นหัวหน้ารัฐบาลในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ฐาน 1 ซึ่งชี้ขาดคือ ฐาน 250 ส.ว.
จากการที่พรรคพลังประชารัฐมี ส.ส.จำนวน 100 กว่าคน เพียงหาส.ส.มาให้ได้อีก 30 กว่าคน ความมั่นใจของพรรคพลังประชารัฐก็เหนือกว่าแนวร่วม 7 พรรคที่มีอยู่ 240 กว่าเสียงอยู่แล้ว
เพราะปีกทางด้านพรรคพลังประชารัฐเมื่อรวบรวมได้ไปถึง 126 เสียง
ก็จะก่อผลสะเทือนอย่างทรงความหมายทางการเมือง
เพราะว่าเมื่อนำ 126 เสียงไปผนวกเข้ากับ 250 ส.ว.ก็จะทำให้มีจำนวน 376 เสียงอย่างเด่นชัด
นั่นย่อมทำให้เกิดการแปรเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ
พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคชาติพัฒนา ที่ทำท่าลังเลแล้วลังเลอีกก็ย่อมจะต้องไหลไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐ
ข้อเสนออันมาจากกลุ่ม นายถาวร เสนเนียม ก็จะกลายเป็นกระแสหลักและอาจจะออกมาเป็นมติพรรคประชาธิปัตย์อย่างถูกต้อง
ความมั่นใจของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็เป็นจริง
ปมเงื่อนของปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ไหน อยู่ที่ว่าใครมาเร็ว ใครมาช้า เพราะจะส่งผลให้การต่อรองเพื่อจัดสรรตำแหน่งในครม.ราบรื่นหรือว่าเป็นอุปสรรค
ราบรื่นหรือว่ามีอุปสรรคคือโควต้าของแต่ละกระทรวง
ในเมื่อกระทรวงความมั่นคง กระทรวงเศรษฐกิจจองเอาไว้แล้ว จึงเหลือกระทรวงรองๆในระดับเกรดบีเท่านั้น
นี่คือการเล่น “เก้าอี้ดนตรี”ในห้วงแห่งการจัด “ครม.”