เห็น นายวิษณุ เครืองาม ออกมาพูดถึง 3 มาตรการในการจัดการกับ ปัญหา “ธรรมกาย”
1 มาตรการทางกฎหมาย
ปัจจัยสำคัญก็คือ การใช้คำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 5/2560 ออกโดย “มาตรา 44”
1 มาตรการปกครอง
รูปธรรมสำคัญก็คือ การถอดสมณศักดิ์ พระเทพญาณมหามุนี และ พระราชภาวนาจารย์
1 มาตรการทางพระธรรมวินัย
นั่นก็คือ การผลักดันผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)ไปยังมหาเถรสมาคม(มส.)
เหมือนกับจะรักษาแนวทาง “การเมือง” อย่างมั่นแน่ว
แต่พลันที่มี “เส้นตาย” อันเหมือนกับ “คำขาด” ว่าทุกอย่างจะ ต้องจบภายในอีก 5 วันข้างหน้า
กลิ่นอายทาง”การทหาร”ก็เริ่มคึกคัก
ต้องยอมรับว่าทุกอย่างเริ่มต้นจากกลางดึกของคืนวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่มีคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 5/2560 ประกาศออกมา
เงาแห่ง “มาตรา 44” เริ่มครอบคลุม
จึงเห็นการเคลื่อนกำลังพลที่สนธิระหว่าง ดีเอสไอ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง
รวมแล้วอยู่ระหว่าง 3,000-4,000
มาตรการปกครอง มาตรการทางพระธรรมวินัย จึงเสมอเป็นเพียง “อุปกรณ์ 1” เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “หลัก”
นั่นก็คือ 1 ต้องบุกเข้าไปใน”วัด”
นั่นก็คือ 1 ต้องจับกุมตัว พระไชยบูลย์ สุทธิผล นำตัวมอบให้สำนักงานอัยการสูงสุดให้จนได้
โดยมี “มาตรา 44″ กรุยทางสะดวกให้
การจะบรรลุเป้าหมายทั้ง 2 ประการข้างต้นภายในวันจันทร์ที่ 13 มีนาคมได้จำเป็นต้องใช้”กำลัง”
นั่นก็คือ มาตรการทาง”ทหาร”
วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม จึงเป็นวันสำคัญอย่างสูง ทั้งด้าน “คสช.” ทั้งด้าน “ธรรมกาย”
เพราะ”มาตรา 44″ คือ ต้องเข้าไปใน “วัด”
เพราะ “น้ำเสียง” ที่ดังมาจากทาง “ธรรมกาย” อย่างเสมอต้น เสมอปลายก็คือ
1 เคยเข้ามาแล้วและไม่พบ
1 ไม่ว่า พระไชยบูลย์ สุทธิผล ไม่ว่า พระเผด็จ ทัตตชีโว ล้วนยืนยันความบริสุทธิ์ของตน
พร้อม “พลีชีพเพื่อพระพุทธศาสนา”
ใครที่เคยผ่านสถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 สถานการณ์เดือนตุลาคม 2519 สถานการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 สถานการณ์ เดือนเมษายน พฤษภาคม 2553
ย่อม “ทำนาย” ได้ไม่ยากว่า “อะไร” จะเกิดขึ้น
นับจากวันจันทร์ที่ 13 มีนาคม เป็นต้นไป จึงเป็นวันอันระทึกใจยิ่งสำหรับคนไทย