คอลัมน์ รายงานพิเศษ : โหรชี้ดวงเมือง‘มีนา-เมษา’ให้ระวัง

ที่ต้องจับตาในช่วงนี้คือดาวมฤตยูโดยหนึ่งราศีใช้เวลาโคจร 7 ปี และขณะนี้ดาวมฤตยู โคจรย้ายมาทับลัคนาดวงเมืองจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านการ เมือง เศรษฐกิจและสังคม ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปหมด ซึ่งเราเพิ่งจะผ่านมาได้เพียง 2 ปีเท่านั้น

โดยห้วงเวลานี้ยังมีดาวดวงอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันด้วย โดยดาวพฤหัสบดีโคจรถอยหลังอยู่ในราศีตุลซึ่งอยู่ตรงข้ามกับราศีเมษ ซึ่งดาวพฤหัสบดีจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของศาสนา โบสถ์ วัดวาอาราม นักบวช

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าในช่วงนี้จะมีเรื่องที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวข้องกับศาสนา เพราะดาวโคจรถอยหลัง อย่างเช่นเรื่องของวัดพระธรรมกาย การจับตัวพระธัมมชโย ซึ่งเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ โดยดาวพฤหัสบดีจะโคจรถอยหลังอยู่เป็นเดือนแสดงว่าปัญหาดังกล่าวอาจจะมีความยืดเยื้อ ไม่จบลงง่ายๆ

นอกจากนี้ ยังมีดาวเสาร์ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับมหาชน หรือผู้บริหารราชการแผ่นดิน โดยดาวเสาร์โคจรถอยหลังอยู่ปลายราศีพิจิกเป็นนวางศ์ขาด ถือเป็นการให้โทษ

และดาวเสาร์ก็กำลังจะโคจรยกเข้าราศีธนูซึ่งเป็นธาตุไฟ ซึ่งตามตำราระบุว่า “พระเสาร์และพระอังคารท่านภิปราย พักตร์ในราศีร้ายจำเพาะมี คือพฤษภ สิงห์ มีน ธนูพักตร์ ว่าร้ายนักทำนายไว้สี่ราศี จะเกิดความเสียหายกายชีวี พระธรณีดูดกินซึ่งเลือดคน”

ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.-17 เม.ย.เป็นช่วงที่จะเกิดความเสียหาย เกิดความสูญเสียรุนแรง จะเกิดภัยธรรมชาติต่างๆ รวมทั้งอุบัติเหตุด้วย ต้องระวังเพราะตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์พอดี ซึ่งมักจะมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทุกปี ดังนั้น ต้องระวังในช่วงเดือน เม.ย.เป็นพิเศษ

จากนั้นดาวเสาร์จะโคจรถอยเข้าราศีพิจิกอีกครั้งเป็นภพมรณะ และเล็งกับดาวอังคารเดิมของดาวดวงเมือง ซึ่งความรุนแรงจะไม่หยุดอยู่แค่นั้น และยังมีดาวพระศุกร์ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของเศรษฐกิจ การเงิน การคลังนั้นเกิดวิปริตและโคจรถอยหลังเช่นกัน จะส่งผลให้ข้าวยากหมากแพงด้วย

ดังนั้น ต้องรอให้ดาวพฤหัสบดีย้ายออกจากภพอริและโคจรไปข้างหน้าเข้าราศีตุล ซึ่งประมาณวันที่ 6 ก.ย.เป็นต้นไป สถานการณ์ในทุกเรื่อง เช่น เรื่องศาสนา การเจรจาสันติภาพไปจนถึงเรื่องการเมือง จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น

โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองจะดีขึ้น จะเกิดความสงบร่มเย็น ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ จะตกลงกันได้ด้วยการเจรจา

แม้ดาวพฤหัสบดีจะให้คุณแต่ดาวดวงอื่นๆ อาจจะให้โทษอีก เช่น ดาวเสาร์ ดาวราหู เป็นต้น ดังนั้นช่วงนี้ขอให้ทุกคนอดทน มีสติ ใช้ชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท มีชีวิตรู้เห็นตามความเป็นจริง

ต้องมีความรอบคอบ สุขุม ใคร่ครวญ พิจารณาทุกเรื่องตามเหตุผล อย่าใช้อารมณ์ก็จะผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ ไปได้

พัฒนา พัฒนศิริ

นักโหราศาสตร์-การวางฤกษ์

ที่โหรทักหลัง 12 มี.ค.หรือกลางมี.ค.นี้ดวงเมืองน่าเป็นห่วงนั้น เห็นว่าดาวอังคารโคจรเป็นวินาศกับดวงเมืองทำให้ฝ่ายบริหาร ไม่เข้มแข็ง มีความอ่อนแอระดับหนึ่ง

แต่ไม่ต้องทุกข์ร้อน เพราะดาวอังคารยังคงเดินไปข้างหน้า ไม่เดินถอยหลังเมื่อเข้าสู่ราศีเมษ ดาวอังคารจะมีกำลังเข้มแข็ง ทำให้บ้านเมืองอยู่รอดปลอดภัย หลังโคจรทับลัคนาดวงเมืองแล้วฝ่ายบริหารจะเข้มแข็งขึ้น สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามความ มุ่งหมาย

เป็นที่น่าสังเกตว่าฝ่ายบ้านเมืองจะทำอะไรขึงขังเคร่งครัดในช่วงระยะเวลาไม่กี่วันนี้อาจไม่ประสบความสำเร็จ ต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนนโยบาย ปรับเปลี่ยนเงื่อนเวลา ปรับเปลี่ยนกำหนดการให้ยึดออกไป เพื่อรอจังหวะให้ดวงอังคารทับดวงเมืองได้ตำแหน่งเกษตรที่เข้มแข็ง บ้านเมืองจึงพอจะมีโชคได้ชัยได้

ดังนั้น จะทำอะไรก็ควรรอจังหวะอย่าทำช่วงนี้ ถ้าทำช่วงนี้ก็จะเกิดความเสียหายรุนแรงขึ้นมา ขอให้รอคลี่คลาย สักวันที่ 12 มี.ค. 13 มี.ค.ก็พอไหว โดยตอนนี้มีเรื่องเดียวที่เกี่ยวกับวัด ซึ่งเป็นเรื่องที่จะเป็นจะตายมีปัญหากัน ต้องทำให้ความสูญเสียน้อยที่สุด ตอนจบก็รู้อยู่แล้วว่ารัฐชนะอยู่ดีแต่อย่าให้เสียหายเกิดขึ้น

ส่วนการเมืองเรื่องปรองดอง ช่วงปีหรือสองปีนี้โอกาสจะเห็นปรองดองโดยรูปธรรมแท้จริงลำบาก นอกจากหลักการ เพราะแตกกันมากจนไม่รู้จะหันหน้าไปพูดกันอย่างไรสัก 4-5 ปีจะเห็นแต่ไม่ใช่เร็วๆนี้

ปี 2560 ความเปลี่ยนแปลงวินาศจะมีหลังจากดาวราหูยกย้ายจากราสีสิงห์ไปสถิต ณ ราศีกรกฎ ไปกุมดาวจันทร์ในพื้นดวงเมือง บ้านเมืองจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ การเงินการคลัง การคมนาคมขนส่ง

เชื่อว่าสามารถจัดให้มีทางพิเศษ อาจเป็นทางรถไฟ ถนนพิเศษเพิ่มขึ้นมา เศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวขึ้น ถือเป็นข่าวดี มีการปล่อยให้มีการกู้ยืมสะดวกมากขึ้น

ด้านการเมืองไม่สามารถฟันธงได้ว่าจะมีการเลือกตั้งได้ใน เร็วๆนี้ เพราะติดอะไรหลายอย่างไร แต่ไม่ใช่อำนาจจากการปฏิวัติ ต้องรอไปอีกไม่นานน่าจะอยู่ในปี 2561

ส่วนเรื่องดาวมฤตยูโคจรทับลัคนาดวงเมืองที่สถิตราศีเมษ อีกครั้งในรอบ 84 ปี และจะอยู่ยาวไปถึงวันที่ 7 ก.ค. 2565 นั้น ตำราของบรมโหราจารย์ผู้มีชื่อเสียงของไทยกล่าวว่า ดาวมฤตยูหมายเลข 0 จะเป็นปฏิปักษ์กับดาวบาปเคราะห์ 2-3 ดวง คือดาวอังคารหมายเลข 3 ดาวเสาร์หมายเลข 7 และดาวราหู หมายเลข 8

ถ้าในพื้นดวงมีบาปเคราะห์ทั้ง 3 โคจรอยู่ก่อน ดาวมฤตยูจะเป็นปฏิปักษ์ทันทีทันใด แต่เนื่องจากในพื้นดวงเมืองไม่มีดาวบาปเคราะห์ทั้ง 3 ที่ราศีเมษหรือราศีดุลย์ มฤตยูจึงไม่สร้างความรุนแรง ไม่สร้างหายนะอย่างหนึ่งอย่างใด

ในทางตรงกันข้าม ดาวมฤตยูจะช่วยส่งเสริมสนับสนุนให้บ้านเมืองพัฒนาไปในทางที่ดีงาม ไม่ว่าจะด้านเทคโนโลยี ด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม พลังงาน และเศรษฐกิจ การเงินต่างๆ

มฤตยูที่ทับดวงเมืองรอบนี้จึงเป็นดาวที่ส่งผลไปทางบวกมากกว่าทางลบ พี่น้องประชาชนควรจะภาคภูมิใจ ดีใจที่ดาวมฤตยูเข้ามาทับดวงเมือง เสมือนหนึ่งกำลังอันสูงส่งจากการุณยเทพ ที่จะช่วยให้บ้านเมืองมีความสุขความเจริญ มีความรุ่งเรืองรุ่งโรจน์มากกว่าแต่ ครั้งก่อน