แม้โดยกลไกแห่ง “รัฐธรรมนูญ” ล็อกทางการเมืองมีความแจ่มชัดตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายน 2560 แล้วว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างแน่นอน
แต่ความเชื่อตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายน 2560 อีกเช่นเดียวกันคือ การอยู่ในตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ราบรื่น
อย่างน้อยก็ไม่ราบรื่นและมีความแตกต่างอย่างแทบจะสิ้นเชิง จากที่เข้าดำรงตำแหน่งภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
สภาพอันเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ยืนยันอย่างเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ
คำถามที่ตามมาก็คือ เสถียรภาพและความมั่นคง
มีความเชื่อหนักแน่นและจริงจังมากยิ่งขึ้นว่าจะอยู่ได้ไม่นาน
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้จะมั่นใจว่าสามารถเกิดขึ้นได้ในเดือนมิถุนายน แม้จะมีเสาค้ำอย่างสำคัญจากรัฐธรรมนูญและจากกองทัพ
แต่ก็เชื่อว่าเป็นการได้อำนาจอย่างชนิดไม่สามารถปกครองได้
นั่นก็คือ เป็นอำนาจบนความง่อนแง่น ไม่แน่นอน
ความไม่แน่นอนในที่นี้อยู่ที่สภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นด้านหลัก
เคยมีข่าวจากหัวหน้าพรรคบางพรรคซึ่งคสช.มั่นใจอย่างสูงว่า จะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน ได้ยืนยันผ่านนักลงทุนต่างประเทศว่าไม่น่าจะเกินเดือนกันยายน
นั่นเท่าจับสัญญาณจากร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563
ขณะเดียวกัน มีคำยืนยันมาจากอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง หนึ่งซึ่งเคยมีบทบาทอย่างสูงในพื้นที่กทม.ว่าไม่น่าจะเกินเดือนธันวาคมต้องเลือกตั้งใหม่
กล่าวโดยสรุป มีหัวหน้าพรรคการเมืองอย่างน้อย 2 พรรคระบุรัฐบาลใหม่ไม่น่าจะยืนยาวเกินไปกว่าเดือนธันวาคม 2562 เท่ากับหมายความว่าปี 2563 จะมีการเลือกตั้งใหม่
สอดรับกับพรรคเพื่อไทยที่ให้อดีตผู้สมัครของพรรคลงพื้นที่
ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ล้วนไม่ประมาท
มีก็แต่พรรคพลังประชารัฐเท่านั้นที่ยังมั่นใจอยู่