จิตใจติดกับดัก ตลอดชีวิตที่ปิดใจกับพ่อของตัวเอง

ทำไมตอนที่คนเราถูกดูหมิ่น ถูกเกลียด หรือถูกทิ้ง จะต้องรู้สึกโกรธเกลียด บางคนถึงขั้นอยากฆ่าคนๆ นั้น แม้เวลาผ่านไป 10 ปี 20 ปี ก็ยังเก็บความแค้นอยู่ภายในอก

นั่นคือสิ่งที่น่าคิดว่าทำไมมนุษย์ต้องใช้ชีวิตด้วยจิตใจแบบนั้นล่ะครับ? เมื่อชีวิตจริงเราไม่สามารถที่จะให้ทุกคนมาชอบเราได้

ยกตัวอย่างแมงมุมสร้างใยของมันเอาไว้เพื่อดักจับแมลงหรือสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร แต่ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่ อย่างเช่น นก แมว หรือกระรอก ใยแมงมุมก็ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลย

สิ่งที่ผมต้องการอธิบายคือ คนส่วนใหญ่ ถ้ามีคนทำไม่ดีกับเรา เราก็จะเกลียดคนนั้น แต่ถ้ามีคนทำถูกใจเรา เราก็จะชอบหรือรักคนนั้น จิตใจเหล่านี้มันเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์เรารักตัวเอง มีตัวเองเป็นเจ้านาย ทุกสิ่งทุกอย่างก็มองและคิดตามเกณฑ์มาตรฐานของตัวเอง เมื่อมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง จิตใจของเราจะอ่อนแอ ไม่ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็จะติดกับดักถูกขังอยู่ในความคิดที่ตีกรอบไว้ได้ง่ายมาก

แต่ถ้าจุดศูนย์กลางในใจคนนั้นมีผู้อื่นอยู่ จะไม่ถูกความคิดจับหรือลากเขาไปได้ครับ ไม่ว่าจะถูกดูหมิ่น ถูกทอดทิ้ง หรือไม่ว่าจะเจอกับปัญหาแบบไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถถูกความโกรธ ความเกลียด ดักจับจิตใจเอาไว้ได้

ผู้หญิงวัยทำงาน อายุ 30 ต้นๆ คนหนึ่งชื่อ ภรณ์ เธอเล่าให้ผมฟังว่า สมัยเด็ก พ่อของเธอก็ใช้ชีวิตเป็นคนปกติทั่วไป แต่วันหนึ่งไม่รู้หายไปไหน ต่อมาแม่ได้เปิดเผยทีหลังว่า พ่อหนีไปบวชเป็นพระอยู่ที่วัด ตอนนั้นเธอคิดถึงพ่อมาก เวลาผ่านไปเมื่อโตขึ้นมีโอกาสไปหาพ่อที่วัด พอเห็นพ่อปุ๊บ ก็เรียก “พ่อ” แล้ววิ่งเข้าหา พ่อที่ควรจะเรียก “ลูก” แล้วอ้าแขนเตรียมกอด กลับบอกว่า “หยุด ไม่ต้องเข้ามา”

ตั้งแต่ที่ได้ยินคำพูดนั้น ในใจของภรณ์ก็ตั้งปณิธานว่า “ฉันจะไม่ใช้ชีวิตเหมือนพ่อ” แม้ปัจจุบันเธอจะมีงาน มีเงิน เลี้ยงดูตนเองได้ แต่ความเกลียดที่มีต่อพ่อนั้นไม่ได้หายไปจากใจของเธอเลย

ผมได้อธิบายกับเธอว่า “ที่คุณใช้ชีวิตเกลียดพ่ออย่างเดียว เพราะในจิตใจคุณไม่มีคนอื่นอยู่เลยนอกจากตัวเอง ในมุมของคุณก็น่าจะเกลียดพ่อได้ แต่ลองคิดอีกมุมนะครับ ถ้าคุณไม่ได้เจอกับพ่อที่เป็นแบบนี้ ก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นว่าจิตใจของตัวเองสกปรกยังไง เพราะตลอดมาคุณไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด มองเห็นแต่ความผิดของพ่อที่ทิ้งลูกไป แล้วใช้ชีวิตเหมือนเป็นเจ้านายที่คอยสั่งพ่อว่า “มาเลี้ยงฉันสิ” การที่ตัดสินพ่อได้นั้นเพราะจิตใจคุณอยู่เหนือกว่าท่าน ความจริงคุณควรขอบคุณกับพ่อมากกว่า เพราะหากไม่มีท่าน คุณก็คงไม่เกิดมา”

หลังจากวันนั้นที่คุยกับผม ภรณ์ก็ได้โทรหาพ่อเปิดจิตใจคุยกัน จึงทราบว่าพ่อบวชเป็นพระ เพราะคิดว่าจะสามารถช่วยเหลือครอบครัวได้มากกว่าการทำงานอยู่กับภรรยา และลูกๆ จะได้รับการเคารพ และการดูแลจากคนอื่นๆ ไปด้วย การตัดสินใจของพ่อ ท่านเองก็เจ็บปวดเช่นกัน แต่เพราะรักครอบครัวจึงอดทนเลือกเดินทางนี้ เมื่อภรณ์ได้สัมผัสจิตใจของพ่อที่เสียสละเพื่อครอบครัว ความเกลียดในใจของเธอจึงได้เปลี่ยนเป็นความขอบคุณ

เหตุการณ์ต่างๆ หรือปัญหามากมายที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา ไม่ว่าจะความยากจน การถูกดูหมิ่น ก็เพื่อให้เราได้เห็นจิตใจตัวเองแล้วได้มีโอกาสถ่อมใจลงมา เราควรได้เข้าใจความจริงว่า ไม่สามารถใช้ชีวิตบนโลกนี้ด้วยกำลังของตัวเองได้ แต่จำเป็นต้องรับกำลัง และเรียนรู้จิตใจจากคนรอบข้าง

หากคุณมีแต่ตัวเองเป็นศูนย์กลาง จิตใจก็ได้แต่แคบลง แล้วก็ติดกับดักของความคิดที่มีแต่ความโกรธ ความเกลียดชัง เหมือนแมลงที่ติดกับดักใยของแมงมุม แต่คนที่มีโอกาสมองเห็นและยอมรับได้ว่าธาตุแท้จิตใจตัวเองสกปรกอย่างไร จิตใจคนนั้นจะถ่อมลงโดยอัตโนมัติ สามารถเปิดใจฟังเสียงคนรอบข้าง หรือมองเห็นจิตใจคนรอบข้างได้ ในตอนนั้นเองที่ความยินดี ความขอบคุณถูกสร้างขึ้นในจิตใจ และจิตใจก็เติบโตแข็งแรงขึ้น แล้วหลุดพ้นจากจิตใจที่มีตัวเองเป็นศูนย์กลางได้ครับ


ดร.(กิตติมศักดิ์) ฮักเชิล คิม
ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ ประจำประเทศไทย
[email protected]

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน