FootNote : เสียงเตือน จาก การเมือง”เก่า” อนาคตใหม่ กับเลือกตั้งท้องถิ่น
การลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ อาจสร้างปรากฏการณ์ให้กับสถานการณ์เมื่อเดือนมีนาคมก่อนแรงสะเทือนสูงยิ่งในทางการเมือง
แต่สถานการณ์เมื่อเดือนมีนาคมเป็นสถานการณ์ด้านบนอันเกี่ยวกับ ส.ส.
ขณะที่การประกาศรุกคืบเข้าไปยังการเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่ว่าระดับตำบล ระดับเทศบาล ระดับจังหวัด จะยิ่งก่อผลสะเทือนลึกซึ้งกว่าในทางการเมือง
สังเกตจากปฏิกิริยาสะท้อนกลับไม่ว่าจะจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะจากพรรคเพื่อไทย เด่นชัดยิ่งว่าแรงสะเทือนจากบาทก้าวใหม่ของพรรคอนาคตใหม่จะยิ่งลึกซึ้งและกว้างขวาง
พรรคอนาคตใหม่จะกลายเป็นตำบลกระสุนตก หนักยิ่งขึ้น
ไม่ว่าเสียงท้วงจากพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าเสียงท้วงจากพรรคเพื่อไทย เตือนว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่ควรรวบหัวรวบหางทั้งการเมืองระดับชาติ ทั้งการเมืองระดับท้องถิ่น
เพราะว่าการเมืองระดับท้องถิ่นดำรงอยู่อย่างเป็นฐานให้กับการเมืองระดับชาติ
เพียงแต่แสดงออกในแบบไม่สังกัดพรรค
นั่นก็คือ พ่อจะเป็นส.ส. แม่จะเป็นนายกอบจ. ลูกจะเป็นนายกเทศมนตรี ลูกอีกคนจะเป็นนายกอบต.
เป็นเช่นนี้มาอย่างยาวนาน
ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคชาติพัฒนา ล้วนเป็นเช่นนี้
คำประกาศจากพรรคอนาคตใหม่จึงเท่ากับเป็นการรุกเข้าไปพังทลายฐานกำแพงหรือเครือข่ายเก่าทางการเมือง ทุกพรรคการเมืองล้วนได้รับผลสะเทือน
ไม่เว้นกระทั่งพรรคเพื่อไทยอันเป็นพันธมิตรในแนวร่วม
เสียงเตือนอันดังมาจากบางส่วนในพรรคเพื่อไทย บางส่วนในนปช. บางส่วนในเสื้อแดง จึงเป็นเสียงเตือนให้พรรคอนาคตใหม่ ต้องนำกลับไปคิดใหม่
เป็นเสียงเตือนในเชิงยุทธวิธี เพื่อรักษายุทธศาสตร์
เพียงแต่ภายในยุทธศาสตร์แบบนี้คือเงาสะท้อนแห่งการเมืองเก่า การเมืองในระบบอุปถัมภ์
การเมืองภายใน “รัฐราชการรวมศูนย์”นั่นเอง